ปัจจุบันเราจะเห็นว่าค่ายเล็ก ๆ หลายรายก็พยายามทำการตลาดทางสื่อออนไลน์ ทางอินเตอร์เน็ท เพื่อที่อย่างน้อยพวกเขาก็จะได้คาดการณ์ไว้ว่าในต่างประเทศนั้นพวกเขามีแฟนอยู่มากขนาดไหน เพื่อที่จะได้คำนวนรายรับ รายจ่ายสำหรับการเดินทางในลำดับต่อไป วันนี้เราจะพาแฟน ๆ มวยปล้ำไปรู้จักกับการทัวร์ต่างประเทศของสมาคมมวยปล้ำญี่ปุ่นกันดีกว่า
ในช่วงที่โลกออนไลน์เติบโตแบบนี้ และการเข้าถึงวงการมวยปล้ำญี่ปุ่นก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอีกต่อไปเมื่อเทียบกับในช่วงสมัยก่อน หากใครที่ไม่ทราบต้องบอกว่าสมัยก่อนนั้นมวยปล้ำญี่ปุ่นนอกจากจะหาดูไม่ได้แล้ว แค่ไฮไลท์หรือรายงานผลการปล้ำก็แทบจะหาได้ยากยิ่ง
จนกระทั่งค่อย ๆ มีเคเบิ้ลทีวี และอินเตอร์เน็ทที่ใข้กันอย่างแพร่หลาย จึงมีโอกาสได้รับชมกัน ปัจจุบันวงการมวยปล้ำเข้าถึงได้ง่ายขึ้นมากครับ มีบริการมากมายหรืออย่างน้อยก็ติดตามผลได้จากอินเตอร์เน็ทที่แทบจะรายงานกับแบบเรียลไทม์ ถือว่าปีนี้เป็นปีที่ดีของวงการอย่างแท้จริง
ทางค่ายมวยปล้ำแต่ละค่ายเองก็เล็งเห็นถึงจุดนี้ครับ เขามองว่าวงการมวยปล้ำไม่ได้เป็นเรื่องที่เฉพาะคนในประเทศญี่ปุ่นอีกต่อไป พวกเขาพยายามหาแฟนจากหลาย ๆ แห่ง หลาย ๆ ประเทศเข้ามาเพื่อให้โปรดัคของตนเองมีความเป็นสากล เพิ่มโอกาสทางการค้าและกระตุ้นยอดขายให้มากขึ้น แต่ก่อนนั้นการขึ้นปล้ำในต่างประเทศเป็นเรื่องที่ยากมาก และเหมือนจะจำกัดเฉพาะแต่ค่ายมวยปล้ำใหญ่ๆเลยด้วยซ้ำ แต่ปัจจุบันเราจะเห็นว่าค่ายเล็ก ๆ หลายรายก็พยายามทำการตลาดทางสื่อออนไลน์ ทางอินเตอร์เน็ท เพื่อที่อย่างน้อยพวกเขาก็จะได้คาดการณ์ไว้ว่าในต่างประเทศนั้นพวกเขามีแฟนอยู่มากขนาดไหน เพื่อที่จะได้คำนวนรายรับ รายจ่ายสำหรับการเดินทางในลำดับต่อไป วันนี้เราจะพาแฟน ๆ มวยปล้ำไปรู้จักกับการทัวร์ต่างประเทศของสมาคมมวยปล้ำกันดีกว่า
– ALL JAPAN PRO WRESTLING : Pro Wrestling Love in Taiwan
อันนี้เป็นทัวร์ของสมาคม AJPW สมาคมมวยปล้ำที่ครั้งนึ่งได้ชื่อว่าดีที่สุดในโลก แต่ก็ค่อยๆดร็อปลงไปในช่วงหลัง เพราะนักมวยปล้ำชุดเดิมลาออกไปเกือบหมดและรุ่นใหม่ก็มีสไตล์การปล้ำที่แตกต่างกันออกไป กล่าวคือแต่เดิมสมาคมนี้จะปล้ำแบบหนักหน่วง รุ่นใหญ่หน่อย ดูจริงจังแข็งแกร่ง แต่พอยุคใหม่ (เรียกว่ายุค Pro Wrestling Love) การปล้ำก็จะเน้นแบบเอ็นเตอร์เทนมากขึ้น ซึ่งต้องบอกว่าแฟนมวยปล้ำหลายๆคนไม่ชอบ แต่ตัวผมเองกลับมองว่า แน่นอนมันต่างจากเดิมมาก และแฟนๆกลุ่มดั้งเดิมก็รับไม่ได้ที่เห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างนี้ แต่ในกรณีที่นักมวยปล้ำกลุ่มเดิมออกไปหมด และนักมวยปล้ำที่เหลือหรือเข้ามาใหม่มันเป็นนักมวยปล้ำคนละสไตล์ ดังนั้นจะให้เขาทำแบบเดิมมันก็คงไม่ได้ หรือได้แต่ก็ไม่ดีเท่าที่จะให้เขาได้แสดงศักยภาพของตนเองอย่างเต็มที่ ดังนั้นมวยปล้ำในยุคนี้ก็จะมีข้อถกเถียงกันมากครับว่ามันดีหรือไม่ดี มันแก้ไขหรือปรับปรุงอะไรได้อีกไหม เพราะภาพที่ออกมาตอนนั้นก็คือสมาคมมีขนาดเล็กลงทุกวัน และจากสมาคมที่เคยขึ้นปล้ำในฮอลล์ใหญ่ๆ ก็กลายเป็นต้องมาปล้ำในโรงยิมเล็กๆ ที่บางทีไม่มีแสงสีเสียง และคนดูมีไม่ถึงครึ่งของสนามด้วยซ้ำ
ในช่วงสัก 5 ปีก่อนผมมีโอกาสได้เป็นผู้บรรยายมวยปล้ำของสมาคมนี้ จึงมีโอกาสได้พูดคุยกับช่องทีวีญี่ปุ่นที่มีลิขสิทธิ์ในการออกอากาศมวยปล้ำของสมาคมนี้ คือตอนนั้นเราเห็นโชว์ของ AJPW ที่ไต้หวัน ที่มีคนดูไม่เต็มสนาม และเรามองว่ามันน่าจะเป็นการลงทุนที่ไม่คุ้มค่ารึเปล่า แต่สิ่งหนึ่งที่เราได้ยินกลับมาก็คือ แน่นอนมันเป็นการลงทุนที่มาก แต่มันก็เป็นการเปิดตลาดใหม่ๆ และเป็นการแสวงหาความเป็นไปได้ที่อาจส่งผลดีให้ักับสมาคมในอนาคต มันเป็นการหาสปอนเซอร์ใหม่ๆ และถ้าเราได้กลุ่มแฟนๆจากไต้หวันมาเพิ่ม มันก็จะเป็นเม็ดเงินที่หล่อเลี้ยงอะไรได้หลายๆอย่าง (คือในญี่ปุ่นมันอาจจะตันแล้ว ก็ลองหาประเทศใกล้เคียงที่การเดินทางคงไม่ได้ไกลหรือยากเย็นจนเกินไปนัก)
ในการปล้ำรายการนี้ทาง AJPW ใช้จุดน่าสนใจโดยการถ่ายวีดีโอเบื้องหลัง เป็นภาพนักมวยปล้ำไปเที่ยวในย่านต่างๆ เป็นภาพหลังฉากแบบที่คนไม่ค่อยได้เห็นกันนัก ตรงส่วนนี้ก็เรียกเรตติ้งในการชมได้ัสูงกว่ารายการทั่วไปที่เขาจัดกันในญี่ปุ่น นอกจากนี้ในส่วนของสื่อทางไต้หวันเอง พวกเขาก็ได้จัดแมตช์การปล้ำระหว่างนักมวยปล้ำหญิง ขึ้นเป็นครั้งแรกอย่างเป็นทางการที่ประเทศไต้หวัน โดยนักมวยปล้ำที่ขึ้นปล้ำในแมตช์หญิงประวัติศาสตร์ก็คือ Cheerleader Melissa ปะทะกับ Makoto นั่นเอง
– NEW JAPAN PRO WRESTLING TOUR in Singapore
การออกมาต่างประเทศบ่อยครั้งของ NJPW นั้นถือเป็นเรื่องที่น่าสนใจมากครับ ผมขอย้อนไปถึงการประชุมกับทางสมาคมนี้เมื่อครั้งที่มาจัดอีเวนท์ในเมืองไทยในงาน Thailand Comic Con ซึ่งในงานครั้งนั้นผมมีส่วนร่วมในการวางแผนอีเวนท์มวยปล้ำดังกล่าวด้วย เราได้เห็นถึงความพยายามในการเจาะตลาดต่างประเทศอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการขายลิขสิทธิ์รายการของตัวเองให้กับต่างประเทศพร้อมอนุญาตให้ประเทศนั้นๆใช้คนพากย์เป็นของตนเอง ตลอดจนการเปิดบริการ NJPW WORLD ซึ่งเป็นเซอร์วิสที่ให้แฟนๆสามารถชมรายการของทางสมาคมทั้งสดและเก่าได้อย่างไม่จำกัดในราคาต่อเดือนเพียงประมาณสามร้อยบาทเท่านั้น ต้องบอกว่าการเปิดบริการนี้จุดประตุ้นให้คนสนใจมวยปล้ำญี่ปุ่นมากขึ้นและมันเป็นการนำร่องที่ยอดเยี่ยมที่ผมคิดว่ามีส่วนสำคัญให้นักมวยปล้ำญี่ปุ่นมีโอกาสในการเป็นนักมวยปล้ำระดับโลกมากขึ้น คือเมื่อมีแฟน ๆ สนับสนุนเยอะ ก็เป็นเรื่องง่ายกว่าเดิมที่จะมีโอกาสได้รับการสนใจจากค่ายในอเมริกานั่นเอง
NJPW ถือว่าเป็นค่ายอันดับหนึ่งของญี่ปุ่นในตอนนี้ ซึ่งเขามีแพลนจะขึ้นปล้ำในแถบเอเชียทั้งหมด เรียกว่าถ้าอเมริกา หรือยุโรปมีเจ้าอื่นครองอยู่ เขาก็จะครองเอเชียทั้งทวีปไปเลยก็แล้วกัน ตอนนี้ทาง NJPW หลังจากขึ้นปล้ำในประเทศไทยของเราไปแล้ว ก็ได้ขึ้นปล้ำที่ประเทศสิงคโปร์ โดยครั้งแรก เขาเข้าร่วมในฐานะของส่วนหนึ่งในงาน Comic Con เช่นเดียวกับในประเทศไทย (ตามความคิดผมแล้วมันเป็นเหมือนการลองตลาดว่าจะไปรอดไหมในต่างประเทศ เป็นต้น) ซึ่งหลังจากที่กระแสตอบรับในสิงคโปร์ดีมาก ทางสมาคมจึงปรับมาจัดเป็นโชว์อย่างเป็นทางการ (คือมวยปล้ำต้องบอกว่าจะมีโชว์สองแบบคือโชว์แบบทางการ กับแบบที่เรียกว่ากึ่งๆ house show ซึ่งความเข้มข้นของโชว์จะแตกต่างกันไป) โดยล่าสุดมีการเปลี่ยนมือแชมป์ที่สิงคโปร์ด้วยซ้ำ ถือว่าเป็นเรื่องที่โดดเด่นและน่าสนใจมาก เพราะการเสียแชมป์ที่ต่างประเทศนั้นถือเป็นเรื่องพิเศษและไม่เกิดขึ้นบ่อยในวงการมวยปล้ำญี่ปุ่น ผมก็หวังว่าสักวันหนึ่งประเทศไทยจะกลับมาเป็นเป้าหมายของพวกเขาอีกครั้งเช่นกันครับ
– DDT “NITORI TAIWAN PRESENTS DDT ~ DRAMATIC DREAM TAIWAN”
อันนี้คืออีเวนท์ล่าสุดที่เราเห็นว่ามีการไปขึ้นปล้ำที่ต่างประเทศครับ และแน่นอนว่าไต้หวันก็เป็นสถานที่ยอดฮิตอีกเช่นเคย อนึ่งต้องบอกว่า DDT เป็นค่ายมวยปล้ำที่เติบโตไวที่สุดในญี่ปุ่นตอนนี้เลยก็ว่าได้ครับ เทียบจากสมัยก่อนที่เป็นอินดี้ปล้ำในสนามที่มีคนดูหลักสิบไปจนถึงร้อยต้นๆ ตอนนี้จัดในสนามคนดูหลายพัน ไปจนถึงหลักหมื่นได้อย่างไม่มีปัญหาเลย
สิ่งหนึ่งที่ต้องชื่นชมคือวิสัยทัศน์ของผู้บริหารชื่อ Sanshiro Takagi ครับ คนนี้เป็นนักมวยปล้ำเองด้วยและก็เป็นผู้บริหารที่ปัจจุบันมีส่วนสำคัญในสมาคมมวยปล้ำญี่ปุ่นหลายๆสมาคม เขาเป็นคนที่เปิดรับการปล้ำทุกรูปแบบและตั้งใจจะให้มวยปล้ำหลายรูปแบบนั้น ผสมผสานกันมาได้อย่างลงตัวในโชว์มวยปล้ำแต่ละโชว์ ดังนั้นเขาเริ่มต้นการใช้อินเตอร์เน็ทในการเสาะหานักมวยปล้ำ และใช้ตัวเขาเองเนี่ยแหละ ไปขึ้นปล้ำในประเทศนั้นๆเพื่อทดสอบนักมวยปล้ำด้วยตนเองเลย ก่อนหน้านี้เราจะเห็น Takagi ไปขึ้นปล้ำในสมาคมท้องถิ่นของไต้หวันก่อน และก็ได้ยินมาว่าเขาได้นักมวยปล้ำไต้หวันที่น่าสนใจมาเป็นลิสต์ ซึ่งปัจจุบันก็ยังมีการร่วมงานกันอยู่ จนกระทั่งในปัจจุบัน DDT ประกาศตั้งสำนักงานไต้หวันอย่างเป็นทางแล้วด้วย กลายเป็นสมาคมมวยปล้ำจากญี่ปุ่นสมาคมแรกที่ประกาศแผนงานในไต้หวันอย่างชัดเจน (ทั้งๆที่เป็นเจ้าที่เข้าไปประเทศนี้ช้าที่สุดด้วยซ้ำ)
ตอนนี้ DDT ได้รับความนิยมในไต้หวันมาก ดังนั้นต้องบอกว่าหมากเกมนี้เป็นหมากที่วงการมวยปล้ำญี่ปุ่นล้วนแต่อยากมาเล่น และจะทำทันทีที่มีโอกาสครับ
ตอนนี้แว่ว ๆมาทางผมว่าอีกไม่กี่เดือนอาจจะมีสมาคมหนึ่งจากญี่ปุ่นเดินทางมาขึ้นปล้ำที่เมืองไทยด้วย ดังนั้นก็เป็นหน้าที่ของแฟนมวยปล้ำชาวไทยล่ะครับที่จะทำให้ต่างประเทศเชื่อมั่นและรู้สึกว่าเขาน่าจะมาลงทุนในตลาดเอเชียของเราอีก
หากเราทำได้สำเร็จก็จะเห็นการเติบโตของวงการมวยปล้ำในด้านที่ดีเพิ่มขึ้นแน่นอน
เรื่องแนะนำ :
– Local Idol ความงดงามจากสิ่งเล็ก ๆ สู่โลกที่กว้างใหญ่
– รู้จักกับเข็มขัดแชมป์มวยปล้ำหญิงญี่ปุ่นทรงคุณค่า
– นักมวยปล้ำหญิงญี่ปุ่นที่น่าจะประสบความสำเร็จใน WWE
– ‘DNA’ สายเลือดใหม่ของวงการมวยปล้ำญี่ปุ่นที่ต้องจับตามอง
– “ประเทศไทย” เป้าหมายของนักกีฬาต่อสู้ญี่ปุ่น