ผมเดินทางกลับจากญี่ปุ่นมาถึงบ้านในช่วงดึกของวันอาทิตย์ที่ผ่านมานี้เองครับ โดยการไปญี่ปุ่นครั้งนี้กลายเป็นครั้งที่มีเหตุการณ์น่าจดจำที่สุดครั้งนึง เมื่อเราไปหลงทิศอยู่ในบาร์ย่านโดทงโบริ ย่านที่ได้ชื่อว่าน่าตื่นตาตื่นใจที่สุดแห่งหนึ่งของโอซาก้า และอีกมุมหนึ่งก็เป็นย่านที่อันตรายพอสมควรในโอซาก้าเช่นกัน
ผมเดินทางกลับจากญี่ปุ่นมาถึงบ้านในช่วงดึกของวันอาทิตย์ที่ผ่านมานี้เองครับ โดยการไปญี่ปุ่นครั้งนี้กลายเป็นครั้งที่มีเหตุการณ์น่าจดจำที่สุดครั้งนึง เมื่อเราไปหลงทิศอยู่ในบาร์ย่านโดทงโบริ ย่านที่ได้ชื่อว่าน่าตื่นตาตื่นใจที่สุดแห่งหนึ่งของโอซาก้า และอีกมุมหนึ่งก็เป็นย่านที่อันตรายพอสมควรในโอซาก้าเช่นกัน
เรื่องของเรื่องคือทริปนี้เราไปกันกับเพื่อนต่างประเทศครับ และในคืนสุดท้ายของทริปเราก็ตั้งใจจะไปหาที่เลี้ยงฉลองกันส่งท้าย เลยไปเดินเล่นในตัวเมือง ด้วยความที่ฝนตกหนักมาก เราเลยต้องรีบหาร้านเข้าไปสักร้านนึงก่อน ร้านนี้มีวัยรุ่นอยู่เยอะพอสมควรครับ เราคิดว่าปลอดภัยเลยวิ่งเข้าไปกัน
บรรยากาศภายในร้านเป็นห้องแถวขนาด 1 ห้อง เล็กๆ ตามสไตล์ญี่ปุ่น และก็เป็นบาร์แบบ shot bar ทั่วไป ที่เรานั่งตรงเคาน์เตอร์และสั่งเครื่องดื่มกับบาร์เทนเดอร์ ก่อนสั่งก็ตกลงราคากันสอบถามดิบดี คือเบียร์ / วิสกี้ / ไวน์ แก้วละ 1,000 เยน (ซึ่งก็ค่อนข้างแพงกว่าที่อื่นเท่าตัว) ส่วน soft drink ต่างๆ ราคา 500 เยน (ก็แพงอีกนั่นแหละ) เราก็คิดในแง่ดีว่าโอเคมันเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ประกอบกับตอนนั้นเองก็ดึกมากๆ แล้ว เลยคิดว่านั่งๆ ไปเถอะวันสุดท้ายไม่อยากอะไรมาก
หลังจากเครื่องดื่มมาเสิร์ฟก็เริ่มมีเจ้าของร้านมาคุยด้วยครับ คุยงูๆ ปลาๆ เนี่ยแหละ ยิ้มแย้มแจ่มใส ซึ่งคนไทยเองก็จะคุ้นเคยกับบรรยากาศบาร์แบบนี้ดี ก็คุยกันไปตามอัธยาศัย เพื่อนๆ ชาวต่างชาติก็เฮฮา สั่งเบียร์กันเพิ่ม สรุปแล้วมีเบียร์ทั้งหมด 5 แก้ว / ไวน์ขาว 1 แก้ว / โคล่า 1 แก้ว เจ้าของร้านผู้ชายที่คุยกันเสร็จแล้วก็ไปทำงานส่วนของแกต่อ แล้วก็มีเจ้าของร้านผู้หญิงมาเสิร์ฟ (รอบสอง) แทน แกก็ชวนคุยตามสรรพเพเหระ เช่นเดินทางมาจากไหน พูดญี่ปุ่นได้รึเปล่า ฯลฯ เวลาผ่านไปประมาณ 1 ชั่วโมง เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นครับ
ก่อนที่จะอธิบายถึงเหตุการณ์ต่อไป เรามาสรุปค่าใช้จ่ายกันก่อนตามราคาที่ได้รับแจ้งมาตั้งแต่ต้น
– เบียร์ 5 แก้ว : 1,000 x 5 = 5,000 JPY
– ไวน์ขาว 1 แก้ว : 1,000 JPY
– โคล่า 1 แก้ว : 500 JPY
– รวมแล้วเท่ากับ 7,020 JPY
แต่แล้วเจ้าของร้านก็ยื่นกระดาษเล็ก (มาก) เหมือนกระดาษ Post It บ้านเรา ซึ่งบนกระดาษเขียนว่า “17280” ตอนแรกเราก็งงว่า เลขอะไรวะ ? รหัส Wifi รึเปล่า (ยังมีหน้าไปขอบคุณเขาอีกนะ) ก็เลยหยิบมือถือมา เตรียมจะกรอกรหัสไวไฟ ทำงานทำการ แต่ปรากฏว่าหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอชื่อไวไฟที่น่าจะเป็นของร้าน จากนั้นเจ้าของร้านก็พูดขึ้นมาว่า “Money ! Money!” เริ่มใจไม่ดีแล้วครับ ก่อนที่ผมจะสรุปให้แน่ใจอีกครั้งว่า “ค่าดริงค์จริงๆ เหรอ?” พวกนั้นก็ยังยืนยันคำเดิม!? และอ้างว่า “Tax Of Japan” (ค่าภาษี)
จากนั้นพวกมันก็แกล้งทำเป็นไม่เข้าใจภาษาอังกฤษทันทีครับ (ทั้งๆ ที่ตอนแรกก่อนสั่งถาม How Much นี่ตอบได้เป็นฉากๆ) ยืนยันคำเดียวว่าต้องจ่าย และทางเราเองก็ยืนยันว่าไม่จ่าย (โว้ย) และเรื่องมันพีคตรงนี้เพื่อนต่างประเทศนางทุบโต๊ะ เท่านั้นแหละ บรรยากาศมาเต็มเลย เริ่มมีการโวยวาย ทางเรารีบเปิดโรมมิ่ง โทรไปที่โรงแรม ตอนแรกส่งให้พวกนั้นคุยกับโรงแรมว่าจะให้เราทำอย่างไร พวกมันก็รับไป แล้วก็ปล่อยมือจนโทรศัพท์ร่วงลงไปที่โต๊ะ !!!? สารภาพว่าตอนนั้นกลัวตายมากกกก คนจากข้างนอกเข้ามาในร้าน คือเราไม่มีทางวิ่งออกไปจากร้านหรืออะไรได้เลยเพราะพวกเขาล้อมเอาไว้หมด
อย่างไรก็ตามพอมันเห็นว่าเราโรมมิ่งได้และพอรู้จักวิธีการเอาตัวรอด ท่าทีมันก็เปลี่ยนไปพอสมควรนะครับ แต่ก็ยังยืนยันว่าต้องจ่ายอยู่ดี แต่ลดราคาให้จากหมื่นเจ็ดเป็นหมื่นสาม (พ่องงงงง) ซึ่งก็ยังแพงมากอยู่ดี และเราก็ยืนยันไม่จ่ายเหมือนเดิมครับ โชคดีที่ตอนนั้นเองที่ทางโรงแรมติดต่อหัวหน้าทัวร์ได้ จนได้คุยกันในที่สุด ก่อนที่พวกนั้นจะยอมปล่อยเราออกมาในราคา 4,000 JPY (ลดกระหน่ำซัมเมอร์เซลมาก) และทางเจ้าของร้านนั้นก็ยังมายืนก้มหัวส่งเราที่หน้าร้านด้วย (แต่ทางโรงแรมแนะนำให้เรารีบกลับ และทางเขาจะรีบประสานงานตรวจตาคนเข้าออกโรงแรมให้ หากมีอะไรไม่ชอบมาพากล เพื่อดูแลความปลอดภัยของเรา) โรงแรมบอกว่าเป็นเรื่องอันตรายจริงๆ และเราเองก็ไปเดินผิดที่ผิดทางในโดทงโบริ ซึ่งถือว่าเป็นย่านที่ต้องระมัดระวังตัวพอสมควรครับ (ปล. หัวหน้าทัวร์เราเองยังกลัวมากๆ เช่นกัน เพราะเขานึกว่าเราไปยืมโทรศัพท์จากที่ร้านโทรหาเขา ซึ่งจะทำให้ทางพวกมาเฟียมีเบอร์เขาโดยตรง เราเลยต้องรีบบอกว่าเบอร์ที่โทรเป็นเบอร์เราเองที่เปิดโรมมิ่ง ทำให้เขาสบายใจขึ้นมากเลย)
ในที่นี้ผมได้คุยกับทางตำรวจ (ทางเราพยายามบอกว่าเรื่องเล็ก เราพลาดเอง ไม่อยากทำให้มันใหญ่ไปกว่านี้ แต่ทางโรงแรมเองก็บอกว่าไม่ได้ครับ เขาต้องทำอะไรสักอย่างกับเรื่องนี้ ทางเราเองด้วยความที่จำชื่อร้านไม่ได้ ก็เลยไม่รู้ว่าเขาไปคุยกันยังไงต่อ คือเรื่องมันเกิดดึกมาก และเราต้องไปสนามบินในเช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ทำให้ต้องแยกออกมาโดยปริยาย) ทางเขาได้อธิบายวิธีการเอาตัวรอดหากเจอเหตุการณ์คล้ายๆ กันในคลับ/บาร์มาดังนี้
1. อย่างแรกเลยคือให้เข้าร้านที่มีเมนูอยู่หน้าร้านอย่างชัดเจน หากไม่มีเมนู อย่าเข้าอย่างเด็ดขาด
2. อย่าคุยกับคนของทางเขาพร่ำเพรื่อ เพราะบางทีเขาจะอ้างได้ว่าเราไปคุยกับเด็กนั่งดริงค์ของเขา (ทั้งๆ ที่หน้านางอาจจะเป็นป้าคนหนึ่งที่ถูกพื้นอยู่หน้าบาร์) และเขาจะชาร์จจากตรงนี้ได้
3. ถ้ามีเพื่อนที่เป็นคนญี่ปุ่น ให้เขาไปด้วยก็จะดีมาก คนพวกนี้จะไม่กล้าทำอะไรหากรู้ว่ามีคนญี่ปุ่นอยู่ในกลุ่มของพวกเรา เพราะเขาจะรู้ว่าเราแจ้งตำรวจได้
4. ในกรณีที่ไปกันแค่กลุ่มคนต่างชาติ อย่าพยายามแสดงความตื่นเต้นกับสถานที่ท่องเที่ยว หรืออะไรก็ตามที่ทำให้เขารู้ได้ว่า มาญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก (คือปกติแล้วเวลาเขาชวนคุย เขาจะทำเป็นถามสารทุกข์สุขดิบ และโยงมาว่าเรามาที่นี่ครั้งแรกรึเปล่า ตรงนี้แหละที่จะทำให้เขากล้าเล่นงานเรามากขึ้น) พยายามทำให้เขาเห็นว่าเราโชกโชนกับญี่ปุ่นนะ
5. เราควรจะมีเบอร์ของโรงแรม / หัวหน้าทัวร์ / หรือคนรู้จักสักคนในญี่ปุ่นเผื่อกรณีฉุกเฉินครับ ในที่นี้ตำรวจของญี่ปุ่นสามารถโทรได้ด้วยเบอร์ 110 ครับ
6. ใจเย็นๆ อย่าไปต่อล้อต่อเถียงกับเขา พยายามดึงให้เขาคุยกับคนอื่นที่เห็นว่าปกป้องเราอยู่ เขาจะเกรงหากเห็นว่าเราไม่ได้ไก่อ่อนโดนเขาหลอกได้ง่ายๆ อย่าลืมว่ารอบข้างนั้นมีคนของเขาเต็มไปหมด และร้านในระแวกต่างๆ ส่วนใหญ่ๆ ก็มีหัวหน้าเดียวกันนั่นแหละ เราอาจจะเอาตัวรอดจากร้านออกไปได้ แต่โดนกระทืบเละอยู่หน้าร้านก็เป็นได้
7. ส่วนใหญ่แล้วพวกนี้จะไม่ให้บิล คือแกจะ Random ราคามาให้เราจ่าย ไม่งั้นจะเล่นงาน อะไรแบบนี้ (และด้วยความที่แต่ละคนหน้าโคตรโหด ก็จะทำให้เรากลัวจนยอมจ่าย) เราต้องพยายามขอบิลมาให้ได้ครับ หากเขาไม่ให้ ก็เอากระดาษของเราเองเลยเนี่ยแหละ มาเขียนบิลเอง แล้วขอคำอธิบายจากเขาว่าทำไมมันถึงไม่เป็นไปตามนี้ หรือถามว่าราคาที่คุณแจ้งเรามามันมีที่มาอย่างไร เป็นต้น
นี่เป็นวิธีการเอาตัวรอดแบบคร่าวๆ แต่อย่าลืมว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือการทำการบ้านก่อนเดินทางไปเที่ยวในที่เหล่านี้ครับ ปัจจุบันผับ / คลับ / บาร์มีเยอะมาก ให้ไปร้านที่มันค่อนข้าง mass และเห็นคนเข้าเยอะๆ อาจจะมี Charge บ้าง แต่ร้านพวกนี้จะดูแลนักท่องเที่ยวดีครับ หรือหากต้องการกินเบียร์ หรือเครื่องดื่มเฉยๆ ไม่เน้นบรรยากาศ ก็ไปหาร้านราเม็ง หรือ Izakaya พื้นฐานตามเมืองเยอะแยะครับ แบบนั้นปลอดภัยและชิลกว่าเยอะเลย ไม่ต้องไปนั่งบาร์สไตล์ Shot Bar ให้เสี่ยงด้วย (แต่บาร์แบบนี้ดีๆ ก็มีหลายร้านเลยนะครับ คือเราไปมาเกินห้าสิบร้าน มาตายที่ร้านนี้แหละ T T )
ไปเที่ยวญี่ปุ่นให้สนุกนะครับ อย่าลืมว่าทุกที่มีทั้งคนดีและไม่ดี แต่เราเองก็ต้องศึกษาการระวังตัว และพยายามเอาตัวรอดให้ได้ในทุกสถานการณ์อย่างมีสตินะครับ
พบกันใหม่สัปดาห์หน้า หรือทางทวิตเตอร์ @pumiiiiiiiiii ครับ
เรื่องแนะนำ :
– การ์ตูนต้องไม่ใช่เหยื่อของสถานการณ์
– คาแรคเตอร์แปลกๆ ในวงการมวยปล้ำญี่ปุ่น
– เพราะหนังสือญี่ปุ่นไม่มีวันตาย!
– มองวงการหนังสือญี่ปุ่น
– สถานการณ์ของวงการหนังสือญี่ปุ่นในปัจจุบัน