“Ie Uru Onna” ผู้หญิงขายบ้าน ผู้ไม่เคยพลาด! …เสน่ห์ของละครญี่ปุ่นอีกอย่างหนึ่งก็คือ ต่อให้เนื้อเรื่องพูดถึงแต่เรื่องอาชีพการงานที่สุดเครียด แต่ก็กลับทำให้เราลุกหนีไปจากจอไม่ได้ และนี่ก็คือละครแนวอาชีพอีกเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจเช่นกัน
เสน่ห์ของละครญี่ปุ่นอีกอย่างหนึ่งก็คือ ต่อให้เนื้อเรื่องพูดถึงแต่เรื่องอาชีพการงานที่สุดเครียด แต่ก็กลับทำให้เราลุกหนีไปจากจอไม่ได้ และนี่ก็คือละครแนวอาชีพอีกเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจเช่นกัน นั่นก็คือเรื่อง “Ie Uru Onna” ผู้หญิงขายบ้าน ผู้ไม่เคยพลาด!
ละครในช่วง Summer ที่บ้านมา มีละครเกี่ยวกับอาชีพในวงการอสังหาริมทรัพย์ นั่นก็คือ เรื่องราวของเซลล์ขายบ้านนั่นเอง พอได้ยินคำว่า “ขายบ้าน” (Ie uru) ก็นึกภาพไม่ออกเหมือนกันนะคะว่า จะทำออกมาเป็นละครได้อย่างไร แต่พอได้ดูแล้วก็รู้สึกว่า ช่างเป็นละครที่เล่าเรื่องราวของอาชีพเซลล์ขายบ้านให้เข้าใจได้ไม่ยาก และน่าติดตามด้วย
Ie Uru Onna เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอะไร
อยู่มาวันหนึ่ง Machi Sangenya (รับบทโดย Keiko Kitagawa) ก็ปรากฏตัวในบริษัทอสังหาริมทรัพย์แห่งหนึ่ง ที่มียอดขายตกต่ำลงอย่างต่อเนื่อง แต่หลังจากเธอได้เข้ามาทำงานที่นี่ก็สามารถขายบ้านได้ทันที และทำเป้าแซงหน้าทุกคนในแผนก ตรงกันข้ามกับ Seiji Niwano (รับบทโดย Asuka Kudo) ที่ตั้งแต่ทำงานมายังไม่เคยขายบ้านได้สักหลังเลย แม้ว่า Sangenya จะทำงานได้อย่างไร้ที่ติ แต่เธอกลับเป็นผู้หญิงที่มีบุคลิกไม่ค่อยน่าเข้าใกล้เท่าไหร่ มีนิสัยดุดัน ไม่เคยยิ้มแย้มเลยสักครั้ง แต่ถึงอย่างนั้น เธอก็เป็นคนหนึ่ง ที่ทำงานด้วยความตั้งใจ สามารถขายบ้านที่ไม่น่าจะขายได้ ให้กับลูกค้าที่เต็มใจอยากจะซื้อบ้าน และมีความสุขกับบ้านที่ได้ซื้อไป
หน้าที่ของฉันคือการขายบ้านให้ได้
ละครได้เปิดตัวละครที่ชื่อว่า Machi Sangenya หญิงสาวที่มาพร้อมกับวลีเด็ดที่ว่า…
พอได้ยินแล้วก็แอบรู้สึกว่า อะไรมันจะขนาดนั้นนน แต่ละครก็ได้แสดงให้เห็นว่า…ไม่ว่าบ้านหลังไหน เธอก็ขายได้หมดจริงๆ ละครเรื่องนี้ในแต่ละตอนก็จะแบ่งเป็นเคสการขายบ้านค่ะ ซึ่งบ้านแต่ละหลังที่ขายก็จะมีความยากในการขายมากๆ พอดูเผินๆ แล้ว ไม่น่าจะขายได้เลย เช่น บ้านที่อยู่ห่างไกลที่ทำงาน บ้านห้องเดี่ยว ที่ไม่มีห้องอะไรเลย นอกจากห้องเปล่าเพียงห้องเดียว และแถมยังเคยขายบ้าน 2 หลังให้ได้พร้อมๆ กันทีเดียวก็ยังทำมาแล้ว และอีกๆ หลายเคส ที่เราดูแล้วก็คงรู้สึกว่า เป็นฉัน ฉันก็คงไม่ซื้อ แต่ Sangenya กลับขายบ้านพวกนั้นได้ด้วยเทคนิคทางการขายที่น่าสนใจ แถมเป็นการขายที่ไม่ได้คะยั้นคะยอให้ซื้อ แต่ใช้เทคนิคที่ทำให้คนซื้อรู้สึกฉันต้องซื้อบ้านหลังนี้ให้ได้
ตัวละคร Sangenya ทำให้เราเห็นว่า นี่แหละคือสุดยอดเซลล์ขายบ้าน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไม่ว่าบ้านจะขายยากขนาดไหน คนเป็นเซลล์ก็ต้องหาจุดเด่น จุดดี เพื่อขายให้ได้ และยังไม่ใช่แค่ขายได้เฉยๆ นะ เซลล์ต้องรู้จักหาบ้านที่เหมาะกับลูกค้า บ้านที่เหมาะกับความต้องการ และเป็นบ้านที่ลูกค้าซื้อไปแล้ว อยู่ได้อย่างมีความสุข ถึงแม้ว่าแผนกขายบ้านจะไปได้สวย แต่ก็มีเรื่องที่ต้องให้กังวลใจ เพราะจริงๆ แล้ว การมาของ Sangenya ก็มีลับลมคมใน ที่ไม่มีใครล่วงรู้
เรื่องยิบย่อยที่คนขายบ้านไม่ควรมองข้าม
ถ้าพูดถึงสิ่งสำคัญที่เซลล์ขายบ้านควรรู้ เราก็คงจะนึกถึงลักษณะตัวบ้าน ราคา และกลยุทธ์ในการพูดขายของใช่ไหมคะ แต่เรื่องนี้ได้แสดงให้เราเห็นได้มากยิ่งกว่านั้นค่ะ เช่น …
– คนขายบ้านต้องรู้จักเส้นทางลัดที่เดินทางไปยังบ้านแต่ละหลัง แม้จะไปยากแค่ไหน ก็ต้องรู้ให้ได้ เพราะคนขายบ้านที่รู้จักเส้นทางยิบย่อยพวกนี้ จะแสดงให้เห็นว่า เราเป็นคนมีความรู้เรื่องพื้นที่และที่ดินได้ดี สร้างความน่าเชื่อถือแก่ลูกค้า!
– เมื่อไม่มีลูกค้า ก็ต้องลงเดินไปหาลูกค้าเอง ไม่ว่าจะเป็นการถือป้ายโฆษณาไปตามท้องถนน หรือแจกใบปลิวโปรโมตบ้านที่ตัวเองจะขายวันละ 3,000 ใบ!
– หน้าที่ของคนขายบ้าน ไม่ใช่การขายบ้านที่เพอร์เฟ็คที่สุด แต่หน้าที่ของคนขายบ้านคือ ขายบ้านทุกหลังให้ได้ ไม่ว่ามันจะมีสภาพแบบไหน เพราะนักขายที่ดี จะต้องเห็นข้อดีในสินค้าของตัวเอง และต้องสามารถเลือกบ้านที่เหมาะสมกับลูกค้าแต่ละคนให้ได้ด้วย
– คนขายบ้าน ไม่ใช่แค่คนพูดเก่ง พูดหวาน อย่างในเรื่องนี้ เราจะเห็นเลยค่ะว่า นางเอกเป็นคนโผงผาง ไม่ได้ดูเป็นมิตรอะไรขนาดนั้น (แต่นางสวย) แถมมีน้ำเสียงที่ดุดัน ไม่ได้อ่อนหวานสักนิด แต่ที่นางขายได้ เพราะเนื้อหาที่พูดค่ะ เซลล์ที่ดี ไม่ใช่แค่ต้องพูดเพราะ หรือพูดมาก แต่ต้องเป็นคนพูดรู้เรื่อง และตรงประเด็น
และอีกหลากหลายเรื่องราว ที่ดูแล้วได้ความรู้เกี่ยวกับอาชีพคนขายบ้านเพิ่มขึ้นได้เยอะเลย…
เพราะบ้านคือส่วนหนึ่งของชีวิต
เพราะเหตุใด คนเราถึงยอมเสียเงินหลายล้านบาท เพื่อซื้อบ้านหนึ่งหลัง นั่นก็เพราะว่า “บ้าน” มีความสำคัญต่อชีวิตความเป็นอยู่ของเราอย่างมากค่ะ เชื่อไหมว่า บ้านเป็นสถานที่แห่งความทรงจำ บ้านเป็นสถานที่กระชับความสัมพันธ์ของคนในครอบครัว และบ้านที่ดี จะช่วยเกื้อหนุนให้ชีวิตของเจ้าของบ้านเป็นไปได้อย่างราบรื่นขึ้น อย่างเช่น ต่อให้เราเป็นฮิคิโคโมริ ที่อาศัยอยู่แต่ในบ้านไม่ยอมออกไปไหน แต่เราก็สามารถมีรายได้ เลี้ยงชีวิตไปจนตายด้วย “บ้าน” ที่เรามี หรือต่อให้เราต้องทำงานทั้งวันทั้งคืน แต่เราก็ยังออกมาเจอลูกได้ ถ้าหากเรามีบ้านที่ใกล้ที่ทำงานเพียงนิดเดียว
แล้วเราจะมีบ้านที่ดีขนาดนั้นได้อย่างไร?
นั่นก็คือ หน้าที่ของคนขายบ้านค่ะ ภารกิจของนักขายบ้าน ไม่ใช่แค่ขายบ้านให้ได้ตามเป้าเท่านั้น แต่คุณต้องหาบ้านที่เหมาะสม และช่วยทำให้ชีวิตของลูกค้ามีคุณภาพที่ดีขึ้นได้ด้วย “บ้าน” ที่เราขายไป
สิ่งที่ประทับใจในเรื่อง
สำหรับเรื่องนี้ บทบาทของเคย์โกะค่อนข้างมีความแตกต่างจากเรื่องที่ผ่านๆ มาเลยค่ะ เพราะเธอต้องมารับบทที่ดูโตขึ้นมากๆ และมีคาแร็กเตอร์ที่เป็นผู้หญิงดุๆ ไม่ค่อยมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีกว่าใคร (แต่ต้องเป็นเซลล์ที่เข้าได้กับลูกค้าทุกคน) ก็เลยรู้สึกว่า เป็นละครอีกเรื่องที่เราจะได้เห็นเคย์โกะในบทบาทที่แตกต่างจากเดิม และแม้ละครจะเกี่ยวกับแนวอาชีพ แต่ก็มีมุมตลกหลุดออกมาให้คลายเครียดบ้าง แถมเคสขายบ้าน ก็เป็นเคสที่เห็นได้ว่าขายยากจริงๆ มันเลยทำให้เราอยากชวนดูต่อค่ะว่า เอ…แล้วเจ๊เขาจะขายบ้านให้ออกได้อย่างไงนะ เป็นการถ่ายทอดเรื่องราวอาชีพหนึ่งในสังคมญี่ปุ่น ให้คนดูทั่วไปได้เข้าใจ พร้อมอยากติดตามไปด้วยพร้อมๆ กันค่ะ
จะว่าไปแล้วเรื่องราวอาชีพขายบ้านในละครเรื่องนี้ ก็เอาไปปรับใช้ได้กับทุกอาชีพนะคะ การที่เราจะทำงานอะไรสักอย่าง ต้องเต็มไปด้วยแรงบันดาลใจที่เราอยากจะทำให้มันสำเร็จในสักวัน ขอบอกว่า ละครเรื่องนี้ ก็เป็นละครอาชีพอีกเรื่องหนึ่ง ที่ดูแล้วได้ความรู้เกี่ยวกับอาชีพของนักขายบ้านเพิ่มมากขึ้น และได้พลังที่จะกลับเข้าสู่โลกทำงานอีกครั้งจริงๆ ค่ะ
เรื่องแนะนำ :
– มารู้จักเพลงประกอบเพิ่มความอินให้ละครญี่ปุ่นกัน!
– Okitegami Kyoko แฟนเดย์ เป็นนักสืบแค่วันเดียว
– เทคนิคที่ละครญี่ปุ่นใช้เล่าเรื่องยากๆ ให้เข้าใจง่าย
– ประโยชน์จากซีรีส์สืบสวนญี่ปุ่น ที่ได้มากกว่าความสนุก
– ศิลปินญี่ปุ่นที่มาพร้อมกับเพลงที่ฟังแล้ว Feel Good
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก :
http://asianwiki.com/Your_Home_is_My_Business
http://zdoramaagain.blogspot.com/2016/07/keiko-kitagawa-returns-in-ie-uru_27.html