ช่วงนี้มีละครแนว “จิตแพทย์” เกิดขึ้น อย่างเรื่อง “Dr. Rintaro” ละครที่สามารถมาบำบัดสภาพจิตใจอันบอบช้ำของเราให้ดีขึ้นมาได้
ถ้าให้พูดถึงละครแนวหมอของญี่ปุ่น ส่วนใหญ่แล้วจะมีแต่แนวผ่าตัดเสียเป็นส่วนใหญ่ แต่จากสภาพความเป็นอยู่ในชีวิตที่มีความกดดันและเคร่งเครียดมากขึ้น ทำให้ในช่วงนี้มีละครแนว “จิตแพทย์” เกิดขึ้น อย่างเรื่อง “Dr.Rintaro” ค่ะ ละครที่สามารถมาบำบัดสภาพจิตใจอันบอบช้ำของเราให้ดีขึ้นมาได้ เป็นละครที่ดูแล้วมีประโยชน์ ให้ความรู้ทางด้านจิตวิทยาด้วย วันนี้ก็เลยจะมาแนะนำละครญี่ปุ่นเรื่องนี้ค่ะว่ามีความน่าสนใจยังไงบ้าง
มาทำความรู้จักละครเรื่อง Dr.Rintaro กัน!
Dr.Rintaro เป็นเรื่องราวของหมอจิตแพทย์คนหนึ่งชื่อว่า “ฮิโนะ รินทาโร่” เรียน จบจากสหรัฐอเมริกา แล้วมีความเชื่อมั่นว่าการที่จะรักษาคนไข้ให้หายดีได้นั้นต้องใช้ความอ่อน โยน ความเป็นมิตร พูดคุยกับคนไข้ให้ได้มากที่สุด เพื่อที่จะเข้าไปในจิตใจของคนไข้ได้ เป็นการรักษาสภาพจิตใจด้วยหัวใจที่แท้จริง ซึ่งในบางกรณีอาจไม่จำเป็นต้องใช้ “ยา” ซึ่งเป็นวิธีการรักษาที่แตกต่างจากจิตแพทย์ทั่วไปที่มักจะใช้เครื่องสแกน สมอง แล้ววิเคราะห์ตามแผ่นฟิล์มในระยะเวลาอันสั้นเท่านั้น
มีจิตแพทย์หลายคนที่มองว่าวิธีการรักษาของดร.รินทาโร่ค่อนข้างจะเสียเวลา กว่าจะพูดกว่าจะคุยกับคนไข้จบ และด้วยเหตุนี้ทำให้ดร.รินทาโร่เลือกที่จะไม่รับตำแหน่ง “ศาสตราจารย์” เพราะหากเขารับตำแหน่งนี้อาจจะไม่มีเวลารักษาคนไข้ได้มากเท่าที่ควร
อยู่มาวันหนึ่งดร.รินทาโร่ได้ไปช่วยชีวิตผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังกระโดดตึกไว้ได้ เป็นข่าวใหญ่โตออกตามสื่อโทรทัศน์ จนทำให้ดร.รินทาโร่กลายฮีโร่ไปชั่วข้ามคืน หลังจากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น ความโดดเด่นของเขาก็ไปเตะตากับหญิงเกอิชาคนหนึ่งที่ชื่อว่า “ยูเมโนะ” จนเกิดความสนิทสนมกัน
แต่แล้ววันหนึ่งดร.รินทาโร่ก็ได้พบเจอกับเหตุการณ์ที่แปลกประหลาด เขาได้เจอยูเมโนะในระหว่างทางเดินกลับบ้าน แต่เธอกลับมองเลยผ่านเขาไป ด้วยสีหน้าเฉยชา แววตาของคนที่มั่นอกมั่นใจที่เคยเห็น กลายเป็นแววตาของคนขี้หวาดกลัว แล้วเธอค่อยเดินจากไป ไม่ทักไม่ทาย ราวกับว่าไม่เคยรู้จักกัน… เกิดอะไรขึ้นกับยูเมโนะกันแน่ ดร.รินทาโร่จึงไม่สามารถละเลยสิ่งนี้ไปได้ในฐานะจิตแพทย์คนหนึ่ง…
ความน่าสนใจของเรื่อง Dr.Rintaro
1. บำบัดจิตใจไปพร้อมกับละคร
สิ่งที่โดดเด่นมากกว่าความสนุกก็คือ เนื้อเรื่องละครที่สามารถบำบัดจิตเราได้ค่ะ ถ้าเครียดๆ มาล่ะก็ พอได้ดูเรื่องนี้จะรู้สึกผ่อนคลายค่ะ ละครเรื่องนี้ได้ยกประเด็นที่คนทั่วไปพบเจอได้อยู่บ่อยๆ เช่น ปัญหาการกลั่นแกล้งกันในที่ทำงาน ความเครียดจากการทำงาน ปัญหาความรัก ปัญหาครอบครัว อดีตที่ลืมไม่ได้ ทุกเรื่องราวล้วนมีคำแนะนำดีๆ จากดร.รินทาโร่ค่ะ เช่น ความเจ็บปวดจากอดีตที่ผิดพลาด เป็นเรื่องที่ยากที่จะลืม เรื่องนี้ทำให้เราเห็นว่า แท้จริงแล้ว เราไม่จำเป็นที่จะต้องลืมมันอย่างสนิทใจหรอกค่ะ แต่ต้องยอมรับ และอยู่กับมันให้ได้อย่างเข้าใจ
หรือบางทีเวลาเราทำผิดพลาดไปก็ไม่ต้องมัวแต่ไปคิดว่า “ทำไม ทำไม” หรือ “ถ้าเกิดว่า… ถ้าเกิดว่า…” หรอกค่ะ เพราะไม่ว่าจะคิดแบบนั้นสักกี่ครั้งก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้วได้ ทางที่ดีที่สุดคือต้องก้าวเดินต่อไปค่ะ!
2.เนื้อเรื่องสอดแทรกความรู้ด้านจิตวิทยาไว้ด้วย
เนื่องจากเป็นละครด้านจิตวิทยา แน่นอนว่าก็ต้องแทรกความรู้ด้านจิตวิทยาเข้าไปด้วยค่ะ เรื่องนี้จะทำให้เรารู้จักโรคทางจิตวิทยามากขึ้น บางทีเรื่องบางเรื่องที่ดูเป็นสิ่งธรรมดาทั่วไป แต่จริงๆ เป็นภัยเงียบที่อาจทำให้เกิดอาการป่วยทางจิตได้ เช่น ความรักที่ใครหลายคนถวิลหา แท้จริงแล้วมันคืออาการผิดปกติทางจิตแบบชั่วคราว! แต่เป็นแล้วสามารถรักษาหายได้ค่ะ
หรือความเครียดจากการงานที่สะสมมาเรื่อยๆ จนพอกพูน อาจก่อให้เกิดโรคละเมอเผลอทำร้ายตัวเองและคนอื่นได้ในเวลาโดยไม่รู้ตัว หรือบางครั้งก็ทำให้ “ตาบอด” ได้ค่ะ! หรือ จะเป็นโรคติดการพนัน และที่ร้ายไปกว่านั้นคือ การที่มนุษย์เราถูกทำร้ายจิตใจกันบ่อยๆ อาจก่อให้เป็น “โรคสองบุคลิก” ได้ ซึ่งจะเล่ารายละเอียดของเรื่องนี้ไว้ในข้อถัดไป
3. ภัยร้ายจากโรคสองบุคลิก
“โรคสองบุคลิก” จะเป็นโรคที่ถูกกล่าวถึงเป็นประเด็นหลักในเรื่องนี้ค่ะ เรื่องของเรื่องก็คือ “ยูเมโนะ” นั่นแหละค่ะ สาวเกอิชาที่สะดุดตากับดร.รินทาโร่ เธอป่วยเป็นโรคสองบุคลิก (อันนี้ไม่ถือว่าเป็นสปอยล์นะคะ เพราะเรื่องจะบอกให้เรารู้ตั้งแต่ต้นๆ เรื่องค่ะ) เรื่องนี้จะแสดงให้เห็นว่าคนที่เป็นโรคนี้ได้เนี่ย ขึ้นอยู่กับปัจจัยอะไรบ้าง แล้วถ้าเป็นแล้วอาการของโรคจะเป็นอย่างไร พอเราดูเรื่องนี้แล้ว ขอบอกว่าเป็นโรคหนึ่งที่น่าเห็นใจผู้ป่วยมากค่ะ
ผู้ป่วยโรคนี้จะไม่รู้ตัวเองว่าเป็นโรคสองบุคลิกค่ะ แต่มันจะมีโมเม้นต์แบบว่า เหมือนช่วงหนึ่งเวลามันหยุดไป พอรู้สึกตัวอีกทีก็พบความผิดปกติในตัวเอง ซึ่งเธอจะไม่รู้ตัวค่ะว่ากำลังทำอะไรอยู่ บางทีพอเธอตื่นนอนมา ก็เห็นเงินก้อนหนึ่งวางอยู่ใกล้ตัว โดยที่จำไม่ได้ว่าไปเอามาจากไหน ไปเอามาได้ยังไง หรือบางทีก็จะเจอข้อความแปลกๆ ของตัวเองในโทรศัพท์ หนักหน่อยถ้ารู้ตัวว่ากำลังมีใครคนหนึ่งกำลังทำให้อีกตัวตนหนึ่งหายไปก็จะ ทำร้ายตัวเอง ซึ่ง “ยู อาโออิ” ที่รับบทนี้แสดงได้ดีมากค่ะ ทำให้ตัวเราเองที่ไม่ค่อยรู้จักโรคนี้เท่าไรนัก ได้รู้จักโรคนี้มากขึ้นจริงๆ ค่ะ
และด้วยเหตุนี้จึงทำให้ดร.รินทาโร่ ต้องเข้าไปช่วยรักษาอาการของยูเมโนะค่ะ ซึ่งไม่ใช่วิธีที่ง่ายๆ เลย ที่จะทำให้สองตัวตนรวมเข้ามาเป็นหนึ่งเดียวได้ และสิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าโรคนี้ก็คือ สาเหตุสำคัญของโรคนี้มาจากการทำร้ายจิตใจกันบ่อยๆ อย่างซ้ำๆ จากเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเองนี่แหละค่ะ แล้วที่ร้ายไปกว่านั้นคือ คนที่ทำร้ายคนอื่น บางทีก็ไม่รู้ตัวว่าตัวเองกำลังทำผิด เลยทำให้เกิดการทำร้ายกันทางจิตใจรุนแรงมากขึ้น
4. ผสมเรื่องรักนิดๆ
ละครเรื่องนี้อาจเรียกได้ว่าเป็นละคร Feel Good เบาๆ มีความรักที่อบอุ่นแทรกไปในเรื่องด้วย และความรักนี้ก็ยังสามารถใช้ในการรักษาโรคทางจิตวิทยาได้ด้วยค่ะ ซึ่งดร.รินทาโร่จะยึดใช้ “ความรัก” เป็นแนวทางการรักษาคนไข้ค่ะ แน่นอนว่าถ้าควบคุมใจไม่ดีเนี่ย อาจก่อให้เกิดความรักแบบจริงๆ จังๆ ระหว่างหมอกับผู้ป่วยได้ แต่ดร.รินทาโร่ก็ให้เหตุผลในข้อนี้ว่า
และเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่หมอเผลอไปหลงรักกับคนไข้ได้ และเพื่อที่จะให้ตัวเองมีจิตใจที่เข้มแข็ง มั่นคงมากพอที่จะไปรักษาคนไข้ ทำให้ดร.รินทาโร่ยึดมั่นว่า เขาจะไม่มีความรักตลอดไปในชีวิต ความรักเป็นกฎต้องห้าม และถือว่า “ความรักเป็นความผิดปกติทางใจแบบชั่วคราว” ทำให้ดร.รินทาโร่ตั้งใจว่าจะไม่มีวันตกอยู่ในห่วงของความรักอย่างเด็ดขาด แต่ว่าพอได้พบเจอกับหญิงสาวที่ชื่อ “ยูเมโนะ” เขาเองกลับไม่มั่นใจต่อความรู้สึกว่า กำลังเกิดอะไรขึ้นในหัวใจของตัวเองกันแน่?
5. หลักการใช้ชีวิตต่อไปอย่างมีความสุข
เพราะโลกนี้มีเรื่องราวมากมายให้เราต้องเผชิญ ถ้าเรารับมือกับมันอย่างไม่ถูกวิธี ก็อาจจะก่อให้เกิดผลร้ายต่อชีวิตเราได้ค่ะ โดยเฉพาะกับด้านจิตใจ ท่ามกลางภายนอกที่แสนปกติของมนุษย์ แท้จริงแล้วภายในอาจเต็มไปด้วยความบอบช้ำ จนยากเกินกว่าจะเยียวยาก็เป็นได้ ละครเรื่องนี้จะทำให้เราเข้าใจสภาพจิตใจของตัวเองมากขึ้น พร้อมกับเข้าใจหัวอกของคนอื่น พร้อมกับบอกเราด้วยว่า จริงๆ แล้วความสุขในชีวิตเรานั้นมีหลายรูปแบบ เราไม่จำเป็นต้องไปผูกความสุขของเราไปอยู่ที่ใคร เราสามารถมีชีวิตที่ดีได้ด้วยใจของเราเอง
“Dr.Rintaro” ละคร ญี่ปุ่นดีๆ อีกเรื่องที่จะมาทำให้เราเข้าใจเพื่อนมนุษย์ได้มากยิ่งขึ้น บางครั้งการมีชีวิตอยู่ท่ามกลางโลกใบนี้อาจไม่ใช่เรื่องที่ง่ายนัก แม้เราจะเห็นคนรอบข้างยังยิ้มแย้มกันปกติ ชีวิตดำเนินไปได้อย่างที่ควรเป็น แต่ใช่ว่าในใจเขาอยากจะเดินต่อไปอย่างเต็มใจ ในความรู้สึกที่ซ่อนไว้อยู่นั้น อาจเต็มไปด้วยความรู้สึกที่กดดัน เคร่งเครียด และเป็นทุกข์ เป็นอาการป่วยที่คนทั่วไปไม่มีทางสัมผัสได้ ได้แต่รอให้ใครสักคนเข้าไปสัมผัสด้วยหัวใจจริง
และจะดีกว่าถ้าเราทุกคนหันมาช่วยกันดูแลรักษาสภาพจิตใจ ไม่ให้บอบช้ำเกินกว่าจะเยียวยา
ซึ่ง “ความเข้าใจซึ่งกันและกัน” นี่แหละค่ะ คือยารักษาหัวใจที่ดีที่สุด (^^)
ตามติดบทความ ของ ChaMaNow ทั้งหมด คลิ๊ก >>> Sakura Dramas
ทักทายพูดคุยกับ ChaMaNow ได้ที่ >>> Facebook Sakura Dramas