‘DNA’ สายเลือดใหม่ของวงการมวยปล้ำญี่ปุ่น….ในช่วงปลายปี 2014 สมาคมมวยปล้ำ DDT ประเทศญี่ปุ่นได้ประกาศก่อตั้งค่ายพัฒนาทักษะที่ชื่อว่า DNA ขึ้นมา ซึ่งมีเป้าหมายหลักคือวางรากฐานให้กับนักมวยปล้ำรุ่นใหม่มาประดับวงการต่อไปในอนาคต
ในช่วงปลายปี 2014 สมาคมมวยปล้ำ DDT ประเทศญี่ปุ่นได้ประกาศก่อตั้งค่ายพัฒนาทักษะที่ชื่อว่า DNA ขึ้นมา ซึ่งมีเป้าหมายหลักคือวางรากฐานให้กับนักมวยปล้ำรุ่นใหม่มาประดับวงการต่อไปในอนาคต
ซึ่งโดยส่วนตัวผมได้รู้จักกับนักมวยปล้ำในโครงการนี้หลาย ๆ คน และค่อนข้างสนิทสนมกันครับ เลยได้ทราบว่าระบบของสมาคม DNA นั้น ได้วางแผนเอาไว้อย่างแหวกแนวแตกต่างจากสมาคมพัฒนาทักษะของค่ายอื่น ๆ ในญี่ปุ่น ทำให้ผู้เชี่ยวชาญหลายคนมองว่า นักมวยปล้ำหน้าใหม่ที่ได้ผ่านการฝึกฝนมาจาก DNA นั้นจะมีศักยภาพสูง และโลดแล่นในวงการได้อย่างมั่นคง
สาเหตุที่ DNA โดดเด่นกว่าค่ายมวยปล้ำพัฒนาทักษะอื่น ๆ ก็คือ
ภาพด้านบนคือนักมวยปล้ำเด็กฝึกของ NJPW ซึ่งเป็นตัวอย่างให้เห็นว่าโดยปกติแล้วสมาคมญี่ปุ่นจะให้เด็กฝึกมีสถานะเดียวกัน ผมสั้น กางเกงในดำ คือไม่มีคาแรกเตอร์อะไร แต่ของ DNA จะให้มีคาแรกเตอร์จัด ๆ ชัดเจนไปเลย
– คุณจะเป็นอะไรก็ได้ !
ตัวอย่างนักมวยปล้ำ DNA คนซ้าย อยู่ในสถานะเดียวกับเด็กของNJPWในภาพด้านบน แต่คนนี้มาในกิมมิคแฟนซี สดใส ซาบซ่า ทางสมาคมเลยเอามาให้ปล้ำกับ “ดีโน่” (ขวา) นักมวยปล้ำเกย์ซะเลย คือไปให้สุด เรียนรู้ให้ตรงจุดไปเลย
สมาคม DDT ซึ่งเป็นเหมือนสมาคมแม่ของ DNA มีจุดเด่นคือ ‘อะไรก็เกิดขึ้นได้ในสมาคมแห่งนี้’ ดังนั้นนักมวยปล้ำจะมีคาแรกเตอร์ที่ค่อนข้างชัด คือจะตลกก็ตลกเลย จะมาจริงจังก็จริงจังเลย
บางคนอาจจะมีรายละเอียดไปว่าคนนี้สายเตะต่อยนะ คนนี้สายล็อคนะ คนนี้สายเหินเวหานะ ฯลฯ จากนั้นทางสมาคมก็จะเจาะไปที่รายละเอียดเหล่านั้นเลย เหมือนกับเราอยากเป็นนักมวยปล้ำแบบไหนก็ไปให้สุดทาง คือแน่นอนว่ามันอาจข้ามขั้นตอนไปบ้างหากเทียบกับว่าในสมัยก่อนทุกคนต้องฝึกรวมกัน คาแรกเตอร์เหมือนกันก่อนนะค่อยๆพัฒนาไปตามรูปแบบของตน แต่ DNA แหวกแนวออกไป เหตุนี้เมื่อนักมวยปล้ำได้ฝึกในแบบของตัวเองถี่ ๆ ซ้ำ ๆ มันก็ทำให้เกิดความชำนาญ และมีศักยภาพมากพอที่จะขึ้นปล้ำในสังเวียนใหญ่
ตัวอย่างการนำนักมวยปล้ำระดับแนวหน้าของประเทศ มาเจอกับเด็ก ๆ ในสมาคม DNA เป็นการสร้างประสบการณ์อย่างมาก และเป็นจุดเด่นที่โดดเด่นกว่าค่ายพัฒนาทักษะอื่น ๆ
– การเป็นสมาคมกึ่งอินดี้
สมาคมใหญ่ ๆ ที่มีค่ายพัฒนาทักษะ มักจะจับเด็กใหม่สู้กันเอง ไม่ก็เอารุ่นพี่มาสอน หรือส่งเด็กที่ดูมีศักยภาพไปฝึกฝนต่อที่ต่างประเทศ
อย่างไรก็ตามบางทีมันอาจจะไม่ตรงจุด แน่นอนว่าเรื่องพื้นฐานของนักมวยปล้ำเหล่านี้อาจจะสุดยอด แต่มันอาจต้องใช้เวลานานเกินไปกว่าจะมาผสมผสานระหว่างพื้นฐานกับคาแรกเตอร์ที่เหมาะสม แต่ใน DNA นั้นต้องบอกก่อนว่า DDT ผสมเอานักมวยปล้ำทุกแบบเอาไว้ ทั้งจริงจังมากและฮามาก หรือถ้าไม่มีคนที่ใกล้เคียง ด้วยความที่ตัวสมาคมค่อนข้างอิสระ เขาสามารถจ้างนักมวยปล้ำจากค่ายอื่น ๆ ทั่วญี่ปุ่นมาใช้งานได้อย่างค่อนข้างไร้ข้อจำกัด ทำให้เด็กฝึกใน DNA ได้ปล้ำฝึกฝีมือกับคนที่เหมาะสมที่สุดในการเรียนรู้และพัฒนาทักษะของตนเอง อันนี้คือข้อได้เปรียบที่เป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาความสามารถของเด็กฝึก
ภาพจากการปล้ำที่สวนสนุก Hanayashiki อาสะกุสะ โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เป็นรายการที่จัดทำเพื่อให้สวนสนุกแห่งนี้มีคนสนใจมากขึ้น ซึ่งมักจะมีนักมวยปล้ำของ DNA ไปร่วม บางทีก็ใส่หน้ากากไป
– DDT มีอีเวนท์มวยปล้ำถี่มากกกกก
สมาคมแม่ของพวกเขาอย่าง DDT มีการปล้ำบ่อยมาก ทั้งการปล้ำจริงจัง และการปล้ำรายการพิเศษต่าง ๆ กล่าวคือนอกจากตารางการปล้ำตามปกติที่ทัวร์ทั่วประเทศแล้ว พวกเขายังมักจัดอีเวนท์พิเศษในงานต่าง ๆ เช่น ในป่า ในทะเล ในตลาด หรือในงานท้องถิ่น ฯลฯ
ซึ่งทำให้เขาต้องกระจายคิวนักมวยปล้ำให้เพียงพอต่อจำนวนอีเวนท์ และนั่นคือโอกาสให้เด็กใหม่ได้ลองฝีมือ ทั้งในแง่ของการจัดอีเวนท์ ตลอดจนลางคยที่ได้ขึ้นปล้ำเลยในรายการเล็กๆ ต้องบอกก่อนว่าการปล้ำในเวทีจริง ๆ นั้น แตกต่างจากการฝึกกันมากๆ ซึ่งการขึ้นปล้ำบนเวทีจะให้ประสบการรืและการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่สามารถสอนกันได้ เฉลี่ยแล้วที่ DNA จะปล้ำกันเดือนหนึ่งกว่าสิบแมตช์ ถือว่าเป็นจำนวนที่มากกว่าค่ายอื่น ๆ
จากภาพ นักมวยปล้ำคนซ้ายชื่อ “วันจูโร่” มาจากชิลี และคนขวาชื่อ “เร็กกะ” มาจากไต้หวัน
– การรับคนจากต่างประเทศ
ในขณะที่โลกถูกเชื่อมต่อเข้าด้วยกันผ่านโซเชัยงเน็ทเวิร์ค ทาง DDT เล็งเห็นมาตลอดว่าโลกของมวยปล้ำนั้นย่อมต้องเล็กลงเช่นกัน ทางประธานของสมาคมจึงออกตามล่านักมวยปล้ำจากหลายๆประเทศเพื่อมาฝึกในสมาคมของตน ผมมองว่ามันเป็นข้อดีนะ เพราะประเทศบางประเทศวงการมวยปล่ำไม่แข็งแรง การที่ DDT นำนักมวยปล้ำมาฝึก เป็นการวางรากฐานของมวยปล้ำให้กระจายตลาดไปสู่ประเทศนั้น ๆ ด้วย
ที่สำคัญยังถือว่าจะได้นักมวยปล้ำที่โดดเด่นกว่าค่ายอื่น ได้สิ่งที่ค่ายมวยปล้ำญี่ปุ่นอื่น ๆ ยังไม่เคยพบเห็นมาก่อน ยกตัวอย่างเช่นปัจจุบันทาง DNA มีนักมวยปล้ำจากชิลี ฝรั่งเศส ไต้หวัน ฯลฯ แฟนมวยปล้ำก็ตื่นเต้นที่จะได้ชมอะไรใหม่ ๆ ผมมองว่านี่คือการวางรากฐานที่ดีสำหรับทางสมาคม และเป็นการสร้างชื่อเสียงให้กับมวยปล้ำสไตล์ญี่ปุ่น
– เอาลงอินเตอร์เน็ท
ติดตามแมตข์การปล้ำของ DNA ได้ทาง https://www.youtube.com/user/ddtofficial/videos
ปกติแล้วมวยปล้ำญี่ปุ่นแบบ “ถูกลิขสิทธิ์” แทบจะไม่ถูกนำลงโลกออนไลน์เลยครับ ที่เราเห็นกันส่วนใหญ่คือการแอบอัดจากโทรทัศน์แล้วอัพโหลดกันทิ้งสิ้น
แต่สมาคมนี้เล็งเห็นว่าเนื่องจากเด็กใหม่นั้น ยังไม่เป็นที่รู้จักของแฟนมวยปล้ำ แต่การจะขึ้นปล้ำไปตลอดโดยที่ไม่มีคนดู ย่อมไม่เป็นเรื่องดีแน่ ๆ เพราะขาดแรงกระตุ้น ไม่ดีต่อธุรกิจ ที่สำคัญขาดแรงจูงใจให้เด็กมีความต้องการจะพัฒนาตนเอง ดังนั้นวิธีการที่ง่ายที่สุดก็คือการ “เอาลงอินเตอร์เน็ท” เพื่อให้แฟนมวยปล้ำทุกคนสามารถรับชมได้โดยง่าย ไม่จำเป็นต้องมาชมที่สนามเสมอไป บางคนก็อาจจะติดตาทางอินเตอร์เน็ทจนรู้สึกชื่นชอบ และอยากมาให้กำลังใจสด ๆ ถึงสนาม
วิธีการนี้ได้ผลครับ DNA เริ่มเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ มีแฟน ๆ มั่นคง จนเลี้ยงตัวเองได้ และดูท่าจะเป็น “เป้าหมาย” สำหรับคนยุคใหม่ที่อยากเป็นนักมวยปล้ำไปแล้ว
โปสเตอร์ด้านบนนี้คือความสำเร็จอีกขั้นของ DNA ที่มีแฟนของตัวเองติดตามอย่างหนาแน่นและพยายามลุ้น พยายามเชียร์ให้นักมวยปล้ำที่ตนเองชอบได้เลื่อนขั้นไปปล้ำในสมาคมที่สูงกว่าต่อไปในอนาคตอันใกล้
สำหรับทัวร์นาเมนต์นี้เป็นทัวร์นาเมนต์ครั้งแรกของสมาคมแบบเก็บคะแนนเพื่อหาคู่ชิงและพิสูจน์ว่าใครคือนักมวยปล้ำที่แข็งแกร่งที่สุดของ DNA ซึ่งคาดว่าจะจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี และแน่นอนว่าใครที่ชนะทัวร์นาเมนต์นี้ ย่อมเปรียบเหมือนการได้ “ใบเบิกทาง” สำหรับขึ้นปล้ำในระดับที่สูงที่เต็มไปด้วยยอดนักมวยปล้ำนั่นเอง
ดังนั้นถ้าถามผมแล้ว ผมมองว่าการฝึกเด็กในแบบที่คลาสสิค อย่างของค่ายอื่น ๆ ที่ให้ทุกคนมีระเบียบแบบแผนเหมือนกัน ก็เป็นการฝึกที่ดีและเข้มข้น
อย่างไรก็ตามการฝึกแบบ DDT (DNA Style) นั้น ผมมองว่าเป็นการพลิกแพลงหาสิ่งที่ใช่ในเวลาที่ค่อนข้างจำกัดและสั้นกว่า (คือต้องการใช้งานได้โดยเร็ว) ซึ่งถือว่าเป็นการแหวกแนวและมุ่งพัฒนาไปแบบตรงจุดกว่า สิ่งหนึ่งที่ต้องชื่นชมก็คือ “ระบบของ DDT” ที่วางรากฐานมาจนมีที่ว่างเสมอสำหรับเด็กหน้าใหม่ (คือสมาคมแกทำให้คนรู้สึกว่า “อะไรก็เกิดขึ้นได้” อย่างตุ๊กตายางมาปล้ำก็มีมาแล้ว หรือเด็กใหม่ชนะแชมป์ ก็พอจะมีให้เห็นอยู่จนคนรู้สึกเข้าใจได้)
ดังนั้นสมาคมนี้จึงเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว และผมเชื่อว่า DDT จะคงอยู่อีกนาน ไม่ล้มหายตายจากเหมือนอย่างสมาคมมวยปล้ำญี่ปุ่นหลาย ๆ เจ้าในปัจจุบันที่ต้องทยอยปิดตัวลง
เรื่องแนะนำ :
– “ประเทศไทย” เป้าหมายของนักกีฬาต่อสู้ญี่ปุ่น
– หลงรักนักมวยปล้ำ จะทำไงดี?
– Pro Wrestling Noah… ค่ายมวยปล้ำญี่ปุ่นที่ใกล้ล่มสลาย?
– มิติใหม่ของมวยปล้ำญี่ปุ่นในสหรัฐอเมริกา
– Masked World League โอลิมปิคของนักมวยปล้ำหน้ากากทั่วโลก