ครั้งนั้นเธอเสียใจมากที่สุด เพราะเธอเป็นคนมาแนะนำให้ผมทำงานให้กับอาเทียร เพราะเห็นผมอยากมีรายได้มากขึ้น แต่ลึกๆ ในใจเธอก็รู้ว่าการทำงานแบบนี้และต้องอยู่ข้างกายอาเทียรนั้นมีอันตรายตลอดเวลา และวันนั้นมันก็เกิดเรื่องเข้าจนได้
ภาพโดย : อ.วิโรจน์ สายดนตรี
ผมมีโอกาสได้เจอไดน่าอีกครั้งเป็นครั้งสุดท้ายก่อนกลับเมืองไทย ทั้งๆ ที่ผมคิดว่าจะไม่ได้เจอกับเธออีกแล้ว
วันนี้ขอพูดถึงเด็กหญิงคนนี้ ผู้อ่านที่ได้ติดตามเรื่องราวของผมตั้งแต่ต้น จะเห็นได้ว่าผมมีความสัมพันธ์และความไว้ใจให้กับไดน่ามากที่สุด ไม่ว่าผมจะไปตกระกำลำบาก หรือสุขสบายที่ไหนก็ตาม ผมจะย้อนกลับไปหาไดน่าเสมอ ต่างกับพี่หงษ์ ไดน่าแทบจะเหมือนญาติเลย ถึงแม้จะเป็นความคิดที่คิดไปเอง แต่ความรู้สึกมันเป็นอย่างนั้น ไดน่าก็คงเช่นเดียวกัน เธอไม่เคยปฎิเสธความช่วยเหลือผมเลยสักครั้งเดียว ตลอดระยะเวลา 9 เดือน ที่ได้รู้จักกัน
เริ่มต้นจากการไปทำงานที่บ้านเธอ และอาศัยหลับนอนที่บ้านเธอ และก็เริ่มจากการพาไปรู้จักสถานที่ต่างๆ พาไปเข้าสังคม ที่โรงเรียน สนามแข่งรถ แนะนำให้รู้จักซัน ซึ่งเป็นที่มาของชื่อ Sunburn ได้มีโอกาสขับรถแข่ง ได้เงินจากการแข่งขันรถ แนะนำให้รู้จักกับอาเทียร มีการชกต่อยมีเรื่องมีราวทุกครั้ง
หลายๆ ครั้งเธอเป็นคนหายามาทา หายาให้กิน เพราะผมจะไม่ไปหาหมอ พาไปซื้อเสื้อผ้า วันที่ผมโดนทำร้ายหนักๆ เธอบางครั้งถึงกับน้ำตาคลอ การโอนเงินไปเมืองไทย เงินส่วนที่เหลือก็จะฝากเธอไว้ และหลังจากไม่ได้ทำงานและอาศัยที่บ้านของเธอ ก็ยังติดต่อสื่อสารกับเธอตลอดไม่ว่าจะไปทำงานที่เมืองไหน จะเล่าให้เธอฟังตลอด
ครั้งที่เธอเป็นห่วงผมมากที่สุด น่าจะเป็นที่ผมไปเป็นบอดี้การ์ดให้กับอาเทียร แล้วมีเรื่องทำร้ายร่างกายลูกน้อง และไปทุบรถพวกยากูซ่าที่เลี้ยงดูอาเทียร ครั้งนั้นเธอเสียใจมากที่สุด เพราะเธอเป็นคนมาแนะนำให้ผมทำงานให้กับอาเทียร เพราะเห็นผมอยากมีรายได้มากขึ้น แต่ลึกๆ ในใจเธอก็รู้ว่าการทำงานแบบนี้และต้องอยู่ข้างกายอาเทียรนั้นมีอันตรายตลอด เวลา และวันนั้นมันก็เกิดเรื่องเข้าจนได้ เธอเสียใจมากพยายามแยกผมออกห่างจากอาเทียร แต่ก็สายไปแล้ว วันที่ผมเดินจากบ้านเธอไป เป็นวันที่จากสถานที่และเพื่อนที่ดีที่สุดไป
สิ่งที่ดีใจมากๆ คือเวลาที่ไปทำงานตามเมืองต่างๆ แล้วไดน่าเธอเดินทางไปหา ดีใจครับแล้วดีใจมาก บางทีเธอแค่ไปหาเพื่อเอาเงินที่ผมฝากไว้ไปให้กลัวผมไม่มีใช้ เด็กน้อยคนนี้ปัจจุบันเธอคงเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว คงเป็นคนที่แสนดีกับคนอื่นๆ เหมือนที่เธอให้กับผม ผมยังเชื่อว่าเธอคงยังจำเรื่องราวต่างๆ ตลอดระยะเวลา 9 เดือนที่ผมอยู่ที่นั่นได้เป็นอย่างดี การที่พ่อเธอไม่ค่อยได้มีโอกาสดูแลเธอ ทำให้เธอแข็งแกร่ง และการที่เธอได้มาเจอกับผม ความรู้สึกคงเหมือนมีพี่ชายเพิ่มมาอีกหนึ่งคน ผมจำภาพบ้านเธอได้เป็นอย่างดี ถึงแม้จะไม่ใหญ่โตอะไรมากมาย แต่ก็เป็นที่พักพิงที่ดีที่สุดในแผ่นดินญี่ปุ่นสำหรับผม
ไดน่ามาหาผมที่ร้านส้ม เธอมากับพี่หงษ์ หลังจากปิดร้านผมก็พาเธอไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะใกล้ๆ ร้านที่ผมไปเดินเล่นเป็นประจำ จำได้ว่าส้มซื้อจักรยานมาคันหนึ่ง ผมพาเธอนั่งซ้อนจักรยานไป เธอพูดภาษาไทยได้เยอะขึ้นมาก เธอเล่าว่ามีพี่คนไทยที่มาขายแรงงานที่แคมป์คนงานมาตามหาผมเรื่องจะทำเรื่อง กลับเมืองไทยพร้อมพวกเขา
ใช่…ผมเคยบอกพี่พวกนั้นว่ามีอะไรให้ส่งข่าวมาทางไดน่า………… เธอเห็นเป็นเรื่องการจะกลับเมืองไทยของผม เธอถึงมาหาผมถึงที่นี่ ผมบอกเธอว่า ผมคงจะปรึกษาพี่หงษ์กับส้ม ถ้าถึงเวลาจะกลับจริงๆ เธอถามเรื่องเงินว่าผมเก็บเงินได้บ้างไหม ผมบอกว่าที่ทำงานกับส้ม ผมยังไม่เคยเบิกเลย เพราะผมกินนอนที่นี่ไม่มีค่าใช้จ่ายอะไร จะกลับเมืองไทยค่อยเบิกทีเดียว เป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
วันนั้นผมกับเธอแอบเอาอาหารจากร้านส้มที่เหลือที่ขายไม่หมด ไปนั่งกินที่สวนสาธารณะ กลับเข้ามานอนที่ร้านเกือบเช้า คุยกันเรื่องโน่นเรื่องนี้ ที่ร้านส้มมีห้องนอนเยอะ ผมชวนไดน่าให้อยู่กับผมก่อน เธอก็อยู่ เธอบอกว่าเกรงใจส้ม ผมบอกเธอว่าไม่เป็นไรหรอก ช่วยงานที่ร้านไปด้วยเลย เธอก็เลยอยู่ต่ออีกสองสามวัน
ผมบอกพี่หงษ์แล้วว่าผมพร้อมจะกลับเมืองไทยแล้ว ต้องทำยังไงบ้างเธอบอกว่าถ้าตัดสินใจแล้วก็จะหาทางให้ ไม่ให้บอกเรื่องนี้กับใคร ผมก็รับปากเธอ
อ่านญี่ปุ่นในมุมมืดทั้งหมด คลิ๊ก >>> ญี่ปุ่นในมุมมืด