คนมาซื้อต่อจากผม มีประมาณ 8 -10 คน หน้าตาไว้ใจไม่ได้สักคน มาซื้อไม่เคยพูดจากันได้ของแล้วก็ไป ผมเหมือนเป็นสาขาย่อยของทาโดะอีกที มีครั้งหนึ่งมันขับรถมาหาผม เป็นมอเตอร์ไซด์แบบบิ๊กไบด์ แสดงว่าฐานะทางการเงินของมันไม่ใช่เล่นๆ ต้องอยู่ในขั้นรวยเลยทีเดียว
ภาพโดย : อ.วิโรจน์ สายดนตรี
ผ่าน ไป 10 กว่าวัน ผมถามไดน่าว่าอาเทียรติดต่อมาบ้างรึเปล่า เธอบอกว่าไม่เลย เธอบอกต่ออีกว่า อาเทียรบอกเธอไว้ว่าถ้าผมคิดจะกลับเมืองไทยเมื่อไร ให้บอกเธอ เธออยากเจอผมอีกสักครั้งและจะช่วยหาทางกลับให้
นภา เธอไม่อยากจะให้ผมออกไปไหนมาไหนมาก กลัวจะมีปัญหากับตำรวจและวอาจจะทำให้บริษัทของเธอเดือดร้อนไปด้วย ผมก็รับปากเธอว่าจะออกไปเมื่อมันจำเป็นและจะระวังตัว
แต่เอาเข้าจริงๆ ผมออกทุกคืนเลยครับ เธอไม่รู้หรอก สี่ห้าโมงเย็นเธอก็กลับบ้านแล้ว กว่ามาอีกทีก็เกือบ 10 โมงเช้า ถึงเวลานั้นผมก็เปิดสำนักงานเรียบร้อยแล้ว ผมต้องทำความสะอาดสำนักงานด้วยนะครับ เหมือนแม่บ้านยังไงยังงั้น จริงแล้วผมไม่ชอบเลย งานกวาดถูบ้าน เพราะผมเป็นคนไม่ละเอียด จากนภาต้องเคยจ้างแม่บ้านชาวฟิลิปปินส์ เธอก็เลยเลิกจ้างไปมาใช้ผมแทน ผมเป็นเด็กคอยวิ่งซื้อของให้เธอด้วย ใครในสำนักงานกินอาหารเสร็จผมก็ต้องเก็บไปล้าง ตกเย็นมาพนักงานกลับกันหมด ผมก็ต้องมาเก็บและจัดโต๊ะให้กับทุกคน
นภาเธอทำบัตรพนักงานให้ผมใบ หนึ่ง ในบัตรนั้นใช้ชื่อว่าอาซัน ตำแหน่งผู้ช่วยไกด์ แล้วก็มีชื่อบริษัท การทำบัตรนี้ทำให้ผมได้รู้จักกับคนคนหนึ่ง เป็นคนญี่ปุ่นแต่พูดได้หลายภาษารวมทั้งภาษาไทยด้วย เป็นผู้ชายอายุเท่าๆ กับผม ชื่อทาโดะ เป็นคนที่พาผมไปถ่ายรูปเพื่อทำบัตร วันที่ทาโดะเอาบัตรมาให้ผม ผมชวนเขากินข้าว ทำให้มีโอกาสได้คุยกัน ทาโดะไม่ได้เป็นพนักงานของบริษัทนภา เป็นพนักงานอีกบริษัทหนึ่งที่ทำธุรกิจการรับทำบัตรต่างๆ
คุยไปคุยมา ผมก็บอกเขาไปว่ามีงานพิเศษให้ผมทำหรือเปล่าผมอยากมีรายได้เพิ่ม มันบอกว่ามีแต่อย่าบอกนภานะ ผมก็รับปาก งานที่ว่าก็คือเป็นคนขายบัตรแบบต่างๆ เช่น บัตรโทรศัพท์ บัตรขึ้นรถไปใต้ดิน บนดิน บัตรแทนเงินสดเพื่อซื้อของในร้านสะดวกซื้อ และอีกหลายแบบ แต่เป็นของปลอม แต่ก็ใช้ได้นะ ทาโดะเคยพาผมไปลองใช้ มันก็ใช้ได้จริงๆ ผมก็ไม่รู้ที่มาที่ไปว่าทำไมมันถึงใช้ได้และทางการญี่ปุ่นไม่สามารถจับได้ แต่การขายของผมไม่ได้วางขายทั่วไป ทะโดะจะเป็นคนบอกลูกค้าเองว่ามีของอยู่ที่ผมอีกจุดหนึ่งในถนนย่านนั้น ซึ่งคนมาซื้อจะเป็นคนเดิมที่เคยมาซื้อ ซื้อทีละเยอะๆ เหมือนเอาไปขายต่ออีกทีหนึ่ง ส่วนผมก็ได้เปอร์เซนต์จากการขายร้อยละ 5 ดีครับสนุกดีได้เงินด้วย
ขาย 3-4 วันทาโดะมาเก็บเงินที แบ่งเปอร์เซนต์ให้ผมในวันที่มาเก็บเงิน ผมเคยเอาบัตรปลอมกับบัตรจริงมาเทียบกัน เหมือนกันจนแยกไม่ถูกเลย ผมว่าไอ้ธุรกิจนี้มันคงโกงกันตั้งแต่ระดับผู้ใหญ่ลงมา ถึงทำได้ขนาดนี้ บัตรก็มีสารพัด เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา คนมาซื้อก็เหมือนจะรู้ว่าวันนี้ผมจะมีบัตรแบบไหน คนมาซื้อต่อจากผมเท่าที่จำได้ มีประมาณ 8 -10 คน หน้าตาไว้ใจไม่ได้สักคน มาซื้อไม่เคยพูดจากันได้ของแล้วก็ไป ผมเหมือนเป็นสาขาย่อยของทาโดะอีกที ผมเคยเห็นในกระเป๋าของทาโดะมีเพียบเลยครับ บัตรสารพัดชนิด เป็นหลายพันใบ มีครั้งหนึ่งมันขับรถมาหาผมที่ร้าน เป็นมอเตอร์ไซด์แบบบิ๊กไบด์ แสดงว่าฐานะทางการเงินของมันไม่ใช่เล่นๆ ต้องอยู่ในขั้นรวยเลยทีเดียว
เวลาผ่านไปเกือบเดือน ยังไม่ได้เงินเดือนจากนภาเลย แต่ผมก็มีรายได้จากธุรกิจของทาโดะ ทำให้จะต้องใช้อะไรก็ไม่ต้องใช้ทุนเก่า ผมแบ่งเงินที่มีไว้กับไดน่าก้อนหนึ่ง ผมเก็บไว้เองส่วนหนึ่ง การทำงานกับนภาทำให้ผมมีโอกาสได้เที่ยวไปในตัว จากไม่เคยมีโอกาสขึ้นรถไฟฟ้าประเภทต่างๆ ก็ได้ขึ้นหมดทุกแบบ ภูเขาไฟฟูจีก็ได้ไป การได้เห็นนักท่องเที่ยวชาวไทยที่มาเที่ยวพร้อมกับครอบครัวหรือมาเป็นกลุ่ม กับเพื่อน หรือคนที่มากับแฟน เขาสนุกและมีความสุขกัน พวกเขาหล่านั้นมาชวนผมคุยทุกคนครับ เพราะเห็นผมเป็นคนไทย ถามโน่นถามนี่ อันไหนไม่รู้ผมก็ตอบไปโม้ไปบ้าง บางคนก็บอกว่าอยากมาทำงานแบบผม ให้ผมแนะนำให้หน่อย ไม่มีใครรู้หรอกว่าเส้นทางของผมเป็นยังไง และทุกครั้งที่ได้พูดคุยกับพวกเขาผมเจ็บปวดขนาดไหน เพราะความคิดถึงบ้าน
ไดน่าชวนผมไปนอนที่บ้านบ้างเวลาวันหยุด และพ่อเธอไม่อยู่ แต่เวลาจะไปบ้านเธอ เธอต้องมารับผมครับ ถึงผมจะเริ่มรู้เส้นทางมากขึ้น แต่ก็ยังไม่กล้าที่จะเดินทางไกลๆ คนเดียว จากที่ทำงานไปบ้านไดน่าผมก็ยังไปไม่ถูกอยู่ดี เวลากลับเธอก็จะมาส่ง ผมไม่เคยเห็นญาติพี่น้องของไดน่าเลย เคยเห็นแต่พ่อเธอคนเดียว
มีเหตุการณ์อยู่ครั้งหนึ่งผมยังจำเหตุการณ์นั้นได้เป็นอย่างดี ไดน่ามาหาผมวันที่ผมหยุดงานเธอมาตั้งแต่ตอนเย็นเลิกงาน เธอพาผมเดินเล่นไปตามถนนเพื่อจะไปนั่งเล่นที่สวนสาธารณะ ในขณะที่เดินอยู่ผมได้ยินเสียงเหมือนคนไทยคุยกันเป็นภาษาอีสาน ผมก็พยายามมองหาต้นเสียงนั้นแต่ก็ไม่เห็นใคร พยายามมองอยู่หลายรอบก็ไม่เห็น ผมก็บอกไดน่าว่าได้ยินไหม เธอก็ช่วยผมฟัง แล้วเธอก็บอกว่าเสียงนั้นมาจากใต้ถนนที่เราเดินอยู่ น่าจะมีคนงานที่ซ่อมถนนหรืออะไรอยู่ใต้ดิน มองเห็นป้ายที่แสดงว่ามีการซ่อมอะไรสักอย่างอยู่ใต้ดินที่ผมเดิน ผมก็เดินลงไปตามทางนั้นพร้อมกับไดน่า เจอจริงๆ ครับเป็นคนงานคนไทยที่มาทำงานก่อสร้าง
วันนั้นพวกเขากำลังซ่อมท่อน้ำกันอยู่ ผมเจอคนไทย 4 คนอยู่ข้างล่างนั้น ผมลงไปทักทายเขาชวนผมกินข้าวด้วยกัน มื้อนั้นเป็นอาหารมื้อที่ผมอร่อยที่สุดตั้งแต่อยู่ญี่ปุ่นมาไดน่าก็ทานด้วย มีข้าวเหนียว ปลาทอด น้ำพริกปลาร้า ผักดอง ส้มตำ พวกพี่คนงานเหล่านั้นทำกับข้าวมากินกันเอง เพราะพวกเขาต้องอยู่ทำงานกันทั้งคืน เป็นมื้อเย็นที่แสนจะมีความสุข นั่งคุยกัน 2 ใน 4 คนก็อยู่ที่นี่อย่างผิดกฎหมาย เขาบอกกับผมว่ามีแค้มป์คนงานอยู่ห่างจากที่นี่ไม่ไกล มีคนไทยที่นั่นอีก 4-5 คน ผิดกฎหมายเหมือนผมทั้งนั้น คืนนั้นสรุปว่าผมก็ไม่ได้ไปบ้านไดน่า เธอก็ไม่กลับน่ะครับ อยู่กับผมด้วย พวกพี่เขาจะเลิกงานกันตอนเช้าและจะพาผมไปรู้จักกับที่พักของพวกเค้า พรุ่งนี้ก็เป็นวันหยุดของผมด้วย ผมเลยนั่งรออยู่ในอุโมงค์นั้นทั้งคืนพร้อมกับไดน่า
เจอเพื่อนๆ พี่ๆ ที่ตกอยู่ในสถานะการณ์เดียวกันกับเราเป็นครั้งแรก รู้สึกมีกำลังใจดีมากครับแบบที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน หัวอกเดียวกันอะไรประมาณนั้น มีเรื่องสนุกๆ ด้วยนะครับหลังจากไปเจอพวกพี่ที่แคมป์คนงาน คราวน่าจะมาเล่าต่อว่าสนุกยังไง
ไดน่าเธอก็เป็นเด็กดีจริงๆ พี่ๆ คนงานเหล่านั้นรักและเอ็นดูไดน่าทุกคน แล้วเธอก็ยังมีส่วนช่วยเหลือคนงานเหล่านั้นในบางเรื่อง อะไรที่เธอช่วยเหลือพวกเขา คราวหน้าเราตามติดตามอ่านกัน
อ่านญี่ปุ่นในมุมมืดทั้งหมด คลิ๊ก >>> ญี่ปุ่นในมุมมืด