ญี่ปุ่นในมุมมืด ตอนที่ 3 : ยากูซ่า…คนไหนสวยเข้าตาจะได้อยู่ร้านดีๆ ในเมืองใหญ่ๆ ใครไม่ผ่านการคัดเลือกจะส่งไปอยู่ร้านชานเมืองจังหวัดเล็กๆ มีคนบอกว่าถ้าไม่ได้รับการคัดเลือกจะถูกส่งไปอยู่ซ่องชานเมือง ชีวิตจะไม่ได้กลับเมืองไทยอีกเลย
ภาพโดย : อ.วิโรจน์ สายดนตรี
ผมบอกพี่หงส์ว่าคืนนี้ผมไม่มีที่นอน ผมขอทำอะไรก็ได้เพื่อแลกกับขอที่นอน เขาถามผมว่าจะไว้ใจผมได้ยังไง ผมบอกว่าทั้งตัวมีเงินอยู่เจ็ดพันบาทเอาไว้กับพี่ก่อนเป็นหลักประกัน
“นอนได้แต่ต้องนอนตรงห้องเคาน์เตอร์บาร์เข้าไปนอนข้างในไม่ได้” ผมตอบตกลง
สายๆ ของวันต่อมา พี่หงส์ตื่นแล้วชวนผมทานข้าว ถามว่าไปไงมาไงถึงเดินมาถึงนี่ ผมก็เล่าไป แต่การเล่าของผมไม่ได้เล่าทั้งหมด ไม่ใช่เพราะกลัวว่าจะไม่ได้งานทำ แต่เรื่องราวของผมมันต้องใช้เวลาในการเล่ามากแล้วมันเกี่ยวพันกับคนอื่นๆ หลายคน ซึ่งอาจจะทำให้เกิดความเลียหายกับคนอื่น และที่สำคัญมันผ่านไปแล้ว ไม่มีผิด ไม่มีถูก
สุดท้ายผมบอกแกว่าผมไม่มีที่ไป ผมขอโอกาส พี่หงส์เงียบไปและหันมาบอกว่าอยู่ได้แต่ต้องไปอยู่อีกร้านหนึ่ง อยู่ชานเมืองแต่ถ้าเกิดโดนจับ เขาจะไม่ช่วย ผมรีบตกลง…..
นั่งรถกับแกไปสองคนประมาณครึ่งชั่วโมงก็ถึงร้านของแกตอนนั้นเป็นเวลาประมาณ 1 ทุ่ม เป็นร้านใหญ่กว่าร้านแรกแต่ความหรูหราน้อยกว่ามาก ในร้านมีพนักงานประมาณ 20 คนเป็นผู้หญิงทั้งหมด ผมเริ่มเข้าใจแล้วว่าแกทำธุรกิจอะไร
หน้าที่ของผมคือเก็บแก้ว เก็บจาน ทำความสะอาดโต๊ะหลังจากลูกค้าเช็คบิล คนที่ทำงานในร้านนี้เป็นผู้หญิงไทยทั้งหมด อายุประมาณ 20 ถึง 30 ปี สภาพของร้านเหมือนค็อกเทลเล้าน์บ้านเรา มีทั้งอ๊อฟและไม่อ๊อฟ แล้วแต่ความสมัครใจ ลูกค้าของพี่หงส์เยอะมากส่วนใหญ่แล้วจะเป็นนักธุรกิจชาวญี่ปุ่น
สองสามวันต่อมาผมก็เจอกับแฟนแก ผมเรียกเค้าว่า “เซ็มไป” พนักงานส่วนใหญ่ไม่ได้นอนที่นี่ มีนอนที่นี่อยู่แค่ 3 คน คุยไปคุยมา เพิ่งมาจากเมืองไทยไม่ถึงเดือน ทั้งสามคนมาโดยสมัครใจผ่านระบบเอเย่นต์ ใช้เงินตัวเองส่วนหนึ่ง ถ้าคนไม่มีเงินเลยการเดินทางมาหากินในญี่ปุ่นแบบนี้ พอถึงจุดหมายปลายทางจะมีหนี้เริ่มต้นทันทีหนึ่งล้านบาทแล้วค่อยทำงานใช้หนี้ ไป ผมเรียนรู้เรื่องราวของเธอทั้งสามจากการที่ต้องพักอยู่ด้วยกัน เวลาพวกเธอได้ทิปก็มักจะแบ่งผมทุกครั้งไป
ส้ม…. เป็นคนที่สนิทกับมากที่สุด เป็นคนจังหวัดนครสวรรค์ เรื่องราวของเธอน่าสนใจ จนผมไม่เคยลืม เธอเดินทางมาโดยผ่านเอเยนต์ของอาบอบนวดแห่งหนึ่งย่านรัชดา ชื่อแดง โดยออกค่าใช้จ่ายในการเดินทางทั้งหมดจนได้มาอยู่กับพี่หงส์ โดยผ่านเอเยนต์ชาวญี่ปุ่นอีกที เธอเล่าว่ามาพร้อมกับหญิงไทยอีก 8 คน เข้าพักโรงแรมในโตเกียว 8 คนนี้พักรวมอยู่ในห้องรอการคัดเลือก โดยพวกยากูซ่าจะเป็นคนตัดสินใจว่าจะให้ใครทำงานที่ไหน เหมือนการประมูลแรงงานเอาไปทำงาน
คนไหนสวยเข้าตาจะได้อยู่ร้านดีๆ ในเมืองใหญ่ๆ ใครไม่ผ่านการคัดเลือกจะส่งไปอยู่ร้านชานเมืองจังหวัดเล็กๆ มีคนบอกว่าถ้าไม่ได้รับการคัดเลือกจะถูกส่งไปอยู่ซ่องชานเมือง ชีวิตจะไม่ได้กลับเมืองไทยอีกเลย หลังจากที่เอเยนต์ญี่ปุ่นคัดเลือกแล้วก็จะจ่ายเงินให้กับเอเยนต์ไทย แล้วก็จะกลายเป็นเจ้าชีวิตของผู้หญิงอาชีพนี้ทันที
ส้มถูกเลือกให้อยู่ร้านของพี่หงส์โดยติดหนี้กับยากูซ่าหนึ่งล้านบาท ต้องชดใช้หมดถึงจะได้อิสรภาพ
ผมเคยเห็นแก็งยากูซ่าเวลามาเคลียร์เรื่องเงินกับทางร้าน ผมมองดูแล้วพวกนี้สู้นักเลงบ้านเราไม่ได้มาทีไรไม่ต่ำกว่าสิบคน ประมาณว่าพวกกูมีเยอะไม่กลัวใคร แต่สำหรับผมแล้วผมเฉยๆ
มีครั้งหนึ่งมาแล้วกินเหล้าเมาแล้วเดินตรงมาหาผม พูดภาษาญี่ปุ่นผมฟังไม่ออก แล้วมันเสือกถุยน้ำลายใส่ผม ผมก็ด่าเป็นภาษาไทยไปว่า “หน้ากูเหมือนพ่อมึงเหรอ” แล้วก็พ่นหมากฝรั่งในปากโดนหน้ามันพอดี
ระฆังช่วยชีวิตผมไว้ เซ็มไปกลับมาพอดี เซ็มไปหันไปพูดกับญี่ปุ่นกลุ่มนี้สองสามคำพวกนั้นก็กลับไป
อ่านญี่ปุ่นในมุมมืดทั้งหมด คลิ๊ก >>> ญี่ปุ่นในมุมมืด