ซุ่มๆ อยู่หลายวันตายเป็นตาย ผมกลับเข้าไปที่ร้าน ทุกคนมองผมแปลกๆ รู้เลยว่าคงมีอะไรเกิดขึ้น มีคนมาตามหาผมหลายพวกไม่รู้ใครเป็นใคร เดาไม่ถูกเหมือนกัน คงมีเรื่องมดเรื่องหนึ่ง อีกเรื่องหนึ่งน่าจะเป็นเรื่องที่ชกต่อยกับวัยรุ่นแถวนั้นแล้วมีคนจ้องคิดบัญชีกับผม
ภาพโดย : อ.วิโรจน์ สายดนตรี
จริงๆ แล้วผมไม่อยากกลับไปโอซาก้าในขณะนั้น เพราะยังไม่รู้ว่าต้องกลับไปเจอกับอะไร อยู่ที่โตเกียวยังมีไดน่า พี่หงษ์ให้อุ่นใจบ้างเวลารู้สึกปอดๆ ในบางครั้ง อาเทียรไม่เคยทำให้ผมอุ่นใจเลย
แต่ชีวิตก็ต้องเดินต่อไปข้างหน้า ต้องกล้าที่จะเผชิญกับความจริง อาเทียรเร่งผมเธออยากกลับไปโอซาก้าเธอคงจะมีนัดกับหนุ่มๆ ที่นั้น ถ้าผมเดาก็คงจะเป็นคนที่อุปการะเธออยู่ เธอไม่ได้เล่าให้ผมฟังทุกอย่าง ต่างคนต่างมีปัญหาที่ต้องแก้ ผมกินข้าวเช้ากับไดน่าก่อนเดินทางกลับ เธอก็ยังเป็นเธอไม่แสดงออกถึงความกังวลใดๆ ทั้งๆ ที่จริงแล้วเธอคงจะเหงาและอยากให้ผมกับอาเทียรอยู่ต่ออีก แต่สุดท้ายก็ไม่พูดอะไรออกมา
ผมยังจำได้ว่าวันนั้นถ้าไดน่าเอ่ยปากซักคำว่าอยู่ต่ออีกหน่อย ผมคงยกเลิกการเดินทางให้อาเทียรกลับก่อน แต่เธอเงียบ เป็นอันว่างานเลี้ยงก็ต้องเลิกราไปในที่สุด มองตาเธอแล้วก็สัญญาว่าจะกลับมาเยี่ยมเธออีก ก่อนขึ้นรถเธอพูดว่าที่โอซาก้ามีปัญหาที่แก้ไม่ได้หรือเปล่า ผมบอกไม่มี
ระหว่างการเดินทางกลับโอซาก้า อาเทียรเป็นคนขับส่วนผมก็นั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อย อาเทียรไปส่งผมที่ค่ายมวยเป็นทำเลที่เหมาะที่สุด ไม่มีที่ไหนจะปลอดภัยเท่าที่นี่ เป็นเรื่องแปลกไม่ว่าจะยากูซ่าหน้าไหน ตัวใหญ่หรือตัวเล็กไม่กล้ามาที่นี่หรอกครับ ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกัน จริงแล้วถ้าผมกลัว ก็แค่ไม่ต้องออกไปไหน ก็อยู่รอดปลอดภัยแต่ก็จะไม่มีรายได้อะไรเลย มีแค่อาหารกินกับที่นอนเท่านั้น อยากได้เงินก็ต้องออกไปเสี่ยงเอา
ซุ่มๆ อยู่หลายวันตายเป็นตายครับ ผมกลับเข้าไปที่ร้าน ทุกคนมองผมแปลกๆ รู้เลยว่าคงมีอะไรเกิดขึ้น มีคนมาตามหาผมหลายพวกไม่รู้ใครเป็นใคร ผมก็เดาไม่ถูกเหมือนกัน คงมีเรื่องมดเรื่องหนึ่ง อีกเรื่องหนึ่งน่าจะเป็นเรื่องที่ชกต่อยกับวัยรุ่นแถวนั้นแล้วมีคนจ้องคิด บัญชีกับผม อีกเรื่องก็น่าจะเป็นผลประโยชน์ที่จอดรถและธุรกิจขายบุหรี่ ช่วงที่ผมไปลูกน้องผมที่เป็นคนไทยและคนญี่ปุ่นที่อยู่ที่ค่ายมวยเป็นคนเก็บ ผลประโยชน์ทั้งหมด ไม่ได้เก็บไว้ให้ผมหรอกครับ พวกมันเก็บมาได้ก็ใช้หมด ซึ่งผมไม่ได้โกรธอะไร เพราะก่อนไปได้ตกลงกันไว้แล้ว
พวกมันเล่าให้ผมฟังว่ามีนักเลงญี่ปุ่นกลุ่มอื่นๆ มาแย่งเก็บผลประโยชน์เหมือนกันในวันที่มีลูกค้าเยอะ เส้นทางนี้ก็แบบนี้ไม่มีใครยั่งยืน นอกจากเราจะแสบให้สุดขั้วไปเลย ซึ่งผมก็ไม่สามารถเดินไปสู่จุดนั้นได้ ไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นเจ้าพ่อหรือมาเฟีย แต่แค่เป็นการเอาตัวรอดให้อยู่ได้เท่านั้น
ผมเริ่มมาเก็บผลประโยชน์ที่สร้างไว้อีกครั้ง ในใจขออีกเดือนเดียวจะไปหางานทำใหม่ โดยเรื่องนี้ผมไม่ได้บอกใครเลย ในช่วงเวลานั้นก็ได้รู้จักกับหญิงไทยคนหนึ่งชื่อ “นภา” เธอพาแฟนชาวญี่ปุ่นมาเรียนมวยไทยที่ค่ายมวย ได้คุยกันบ้าง ผมออกปากขอให้เธอหางานให้ผมทำ เธอรับปาก งานที่ว่าคือเป็นคนประสานงานซื้อแพ็คเก็ตตั๋วการเดินทางสำหรับคนไทย เพื่อไปเที่ยวภูเขาฟูจี ผมอยากทำจึงจำเป็นต้องเล่าความจริงให้เธอฟังว่า ผมอยู่ที่นี่อย่างผิดกฏหมาย จะสามารถทำงานนี้ได้ไหม เธอบอกว่าต้องไปปรึกษาเพื่อนเธอที่เป็นเจ้าของบริษัทก่อน หลังจากวันนั้นผมตั้งความหวังเล็กๆ ไว้ว่าเธอจะกลับมาพร้อมคำตอบ
ระหว่างรอธุรกิจสีเทาของผมก็ยังดำเนินต่อไป ยืนอยู่ในมุมมืดๆ เผื่อต้องวิ่งหนีใคร ไม้หน้าสามก็ต้องวางไว้เป็นระยะๆ ไว้ป้องกันตัว งานทวงหนี้ก็มีให้ทำเรื่อยๆ ส่วนมากอาเทียรหามาให้ จากพวกยากูซ่าแฟนๆ ของเธอ ช่วงดึกๆ ตี 2 ถึงตี 4 ผมจะปักหลักอยู่ที่จอดรถทุกคืน อาเทียรไปเที่ยวไหนมาเธอก็จะแวะมาหาผมบ่อยๆ พร้อมกับหนุ่มๆ ที่เธอควงมาไม่ซ้ำหน้า ลานจอดรถที่ผมใช้เป็นที่ทำมาหากิน แทบไม่เคยมีตำรวจญี่ปุ่นมากวน นอกจากจะจอดกันเกินตี 5 ก็จะมีตำรวจมาไล่ ทำเลมันดีครับ มีสถานบันเทิง 4-5 แห่งที่ต้องมาจอดรถรวมๆ กันตรงนี้ ใครต้องการความมืดเป็นส่วนตัวก็จะมาจอดกันในที่ของผม ถ้ามียากูซ่ามาขอส่วนแบ่งผมก็แบ่งไป เริ่มทำใจและเข้าใจมากขึ้น แต่ถ้ามาเก็บเองเลยผมก็ไม่ยอมเหมือนกัน มีเหมือนกันที่วัยรุ่นนัดกันมาชกต่อยกันตรงนี้ แล้วผมรับบทกรรมการ สนุกดีครับยกพวกตีกันเหมือนในการ์ตูนเลย นี่เปรียบเทียบกับบ้านเราไม่ได้เลยความรุนแรงน้อยกว่าเยอะ ต่อยกันโดนหมัดเดียว ลงไปนั่งร้องไห้ก็มี เลือดแค่ซิบๆ เป็นลมไปแล้วก็มี
สงบได้ไม่นานผลประโยชน์ไม่เข้าใครออกใคร ถึงเงินไม่ได้เยอะมาก แต่มันก็เป็นที่ต้องการของคนหลายกลุ่ม ผมถูกเรียกให้ไปพบขาใหญ่คนหนึ่งแถวนั้น ก็คงเป็นพวกยากูซ่านั่นแหละ ก็ต้องไปนั่งฟังมันพูดไม่เข้าใจที่มันพูดซักคำ ลูกน้องที่ไปด้วยพอฟังรู้เรื่อง สรุปให้ฟังว่าขอแบ่งรายได้คนละครึ่งถึงจะทำงานต่อได้ ผมส่ายหน้าไม่รับข้อเสนอเดินออกมา
จริงๆ แล้วผมก็รู้ล่ะว่าคืนนี้พวกมันคงส่งคนมาหาเรื่องผมแน่ แล้วก็จริงครับ มาประมาณ 20 กว่าคน พวกมีกัน 5-6 คน ก็ลุยกันล่ะ ต่างคนต่างเจ็บตัวกันไป อีก 2-3 วันนัดคุยกันใหม่ เปลี่ยนข้อตกลงนิดหน่อย เป็นผมได้ 60 แบ่งให้มัน 40 ถ้าตำรวจมามันต้องรับผิดชอบ ส่วนผลประโยชน์การขายบุหรื่ผมไม่แบ่ง ข้อตกลงเป็นอันว่าจบกันไปตามนั้น
ในใจผมรอแต่หญิงไทยชื่อนภา ผมอยากเปลี่ยนงานใหม่เต็มที ผมกลัวโดนตำรวจจับเรื่องอยู่อย่างผิดกฏหมาย มากกว่ากลัวพวกมาเฟียกลุ่มต่างๆ จากวันแรกถึงตอนนั้นก็ประมาณเกือบ 7 เดือนที่อยู่ที่ญี่ปุ่น ไม่รู้จริงๆ ว่าต้องอยู่อีกนานขนาดไหน ย้ายกันอีกกี่เมืองกี่งาน จนถึงวันที่เธอมาที่ค่ายมวยพร้อมข่าวดีที่ผมรอ
ขอบคุณที่ผู้อ่านเข้ามาคอมเม้นท์กันมากขึ้น ผมยอมรับฟังทุกความคิดเห็นทั้งตำหนิและให้กำลังใจ สิ่งที่ผมทำหลายๆ อย่างไม่น่าจดจำ เลือกจำสิ่งดีๆ ไปใช้ในชีวิต ส่วนสิ่งไม่ดีอ่านแล้วก็ผ่านไปนะครับ
อ่านญี่ปุ่นในมุมมืดทั้งหมด คลิ๊ก >>> ญี่ปุ่นในมุมมืด