คนเราทุกคนไม่น่าจะมีใครที่มีชีวิตเรียบง่าย ร้อยคนก็ต้องมีสักหกเจ็ดสิบที่มีความหลังของชีวิตที่เป็นความทุกข์และไม่อยากให้เกิด อาเทียรเป็นคนหนึ่งที่ผมว่าชีวิตที่ผ่านมาเธอคงไม่ธรรมดา ดูจากฐานะที่บ้านก็ไม่ได้ลำบากอะไร คนที่เธอรู้จักและคบหาดูไม่ธรรมดาสักคน
ภาพโดย : อ.วิโรจน์ สายดนตรี
หลายครั้งหลายครา ที่ผมทำงานแล้วมีปัญหากระทบกระทั่งกับลูกค้า ซึ่งที่ไหนๆ ก็เป็น การเที่ยวกลางคืนของคนญี่ปุ่น ผมว่าบรรยากาศไม่ค่อยสนุก เหมือนที่เมืองไทย หรืออาจจะเป็นเพราะผมฟังภาษาที่เขาคุยกันไม่รู้เรื่อง
ที่เที่ยวแบบนี้ในโอซาก้ามีอยู่เยอะมาก แค่ถนนที่ร้านผมตั้งอยู่ก็มี 3 ร้าน วันหยุดทำงานคนมาเที่ยวเต็ม ผ่านไป 10 กว่าวัน ผมก็ขี่รถมอเตอร์โซค์มาทำงานเอง ส่วนอาเทียรก็เริ่มมาทำงาน แต่เธอมาทำเฉพาะศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ วันธรรมดากลางวันเธอจะนอน กลางคืนเธอไปเที่ยวกับเพื่อนๆ
อีกอย่างหนึ่งที่ว่าแปลก แทนที่ผมจะขวนขวายเรียนรู้ภาษาญี่ปุ่น กลับเป็นเธอที่ไปหาที่เรียนภาษาไทย ก็เข้าท่าดีเหมือนกัน เธอคงอึดอัดที่ไม่สามารถสื่อสารกับผมได้ อีกอย่างเธอคงมีอะไรที่อยากจะคุยกับผมมากกว่านี้ จำได้ว่ามีญาติในบ้านเธอเสียชีวิต เป็นป้าคนโต ในบ้านมีป้าหลายคน คนที่เสียชีวิตเป็นที่อายุมากที่สุด ผมมาอยู่ที่นี่ 10 กว่าวัน ไม่เคยเห็นท่าน ป้าอาเทียรคนนี้อยู่แต่บนบ้านไม่เคยลงมา
จากนั้นก็มีงานศพ หลังจากงานพิธีศพจบลง ผมมีความรู้เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับความเชื่ออย่างหนึ่งของคนญี่ปุ่น ผมไม่แน่ใจมีคนเคยได้ยินเรื่องแบบนี้หรือเปล่า คนในบ้านจะนำเปลือกส้มโอ ที่บ้านเราเอามาเผาไฟเพื่อไล่ยุง แต่ที่บ้านหลังนี้ นำเปลือกส้มโอมาวางไว้ที่หน้าประตู และก็นำใบส้มโอมาติดไว้ตามหน้าต่าง เพื่อป้องกันวิญญานของผู้เสียชีวิตกลับมา ภาษาบ้านเราคงเรียกว่าป้องกันผีหลอก ไม่รู้ว่ามีผู้อ่านเคยได้ยินเรื่องแบบนี้บ้างหรือเปล่า
ผมเป็นคนกลัวเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว อะไรที่มองไม่เห็นมันจะน่ากลัวมากสำหรับผม ทุกครั้งที่กลับมาจากที่ทำงานกลัวมาก จะพยายามชวนอาเทียรกลับด้วยทุกครั้ง จากหน้าบ้านเดินถึงห้องก็แสนไกล เลี้ยวไปเลี้ยวมา กลัวมันจะจ๊ะเอ๋เข้าสักวัน ผมต้องให้อาเทียรไปซื้อไฟฉายกระบอกใหญ่ๆ เอาไว้ส่องทางเวลาเดินกลับห้อง ห้องที่นอนก็แสนจะเป็นใจ เวลาผมปิดไฟจะมองเห็นข้างนอกค่อนข้างชัด นอนจินตนาการไปต่างๆ นานา ยอมรับว่าผมกลัวจริงๆ บางคืนนอนแทบไม่หลับ ต้องพึ่งความเชื่อแบบเขาบ้างเอาเปลือกส้มโอและใบส้มโอมาเป็นเครื่องรางบ้าง
การทำงานที่ร้านไปได้ด้วยดี กับเพื่อนร่วมงานก็ไม่มีปัญหาอะไร โช…คนที่เป็นนักมวยเป็นคนไม่ค่อยพูด แต่เวลาพักทานข้าวมันก็ชวนผมไปทานด้วยทุกครั้ง เวลาประมาณห้าทุ่มจะมีคนเข็นรถมีของปิ้งย่างมาขายอร่อยมาก ที่ผมชอบกินมันจะคล้ายปลาหวานเอามาปิ้งไฟ อร่อยมากผมกินทุกวันตั้งแต่มาทำงานที่นี่ ตอนกลับจะเอาเหล้าที่ลูกค้ากินแล้วเหลือกลับมากินทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นเหล้าอะไรดื่มหมด อาเทียรไม่ได้กลับด้วยทุกครั้ง แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไร วันไหนขับรถกลับเจอตำรวจตั้งด่าน ผมก็นั่งรอจนด่านเลิก ไม่กล้าจะเปลี่ยนเส้นทาง บางทีก็ไปเจอวัยรุ่นออกมาขับรถแข่งกันก็ยืนดูถึงเช้า ผมเริ่มกล้าที่จะไปไหนมาไหนมากขึ้น อาจเป็นเพราะความเหงาและไม่กลัว เพราะคิดว่าถ้าโดนจับที่ร้านคงช่วยผม เพราะงานที่ร้านผมมีบทบาทการทำงานมากขึ้นเรื่อยๆ
ส่วนอาเทียรเธอจะมีหน้าที่ในการเปิดแผ่นเพลงสากล เวลาเธอทำงานเธอจะแต่งตัวสวยใส่กางเกงขาสั้น แจ็คเก็ตหนัง รองเท้าบู้ทใส่หมวกแก็ปทุกครั้ง เธอได้เงินจากการทำงานเยอะ โชบอกผมว่าเธอเป็นเด็กในสังกัดของยากูซ่า เคยเป็นแฟนกับสมาชิกเบอร์ต้นๆ ของยากูซ่าในโอซาก้าคนหนึ่ง เมื่อปีที่แล้วทะเลาะกันเธอหนีหายไปเกือบปี ถามว่าผมไปเจออาเทียรได้ยังไง ผมก็เล่าให้ฟัง โชบอกว่านี่แฟนเก่าของเธอยังไม่รู้ว่าเธอกลับมา ถ้ารู้คงแวะมาหา…..
คนเราทุกคนไม่น่าจะมีใครที่มีชีวิตเรียบง่าย ร้อยคนก็ต้องมีสักหกเจ็ดสิบที่มีความหลังของชีวิตที่เป็นความทุกข์และไม่ อยากให้เกิด อาเทียรเป็นคนหนึ่งที่ผมว่าชีวิตที่ผ่านมาเธอคงไม่ธรรมดา ดูจากฐานะที่บ้านก็ไม่ได้ลำบากอะไร คนที่เธอรู้จักและคบหาดูไม่ธรรมดาสักคน เลิกงานทุกคืนหมูลากไปไก่ลากมา แต่เธอก็จะพยายามหนีกลับทุกครั้ง เหมือนเธอจะสนุกกับชีวิตแบบนี้ ชอบให้มีคนมารักเยอะๆ แต่ก็ไม่เคยเห็นเธอให้ความสนใจใครเป็นพิเศษ ยิ่งใครมาจับไม้จับมือเธอ เธอจะโกรธมาก เธอไม่ชอบให้ใครมาถูกเนื้อต้องตัว
โช…..ด้วยความเคยเป็นนักมวย ชวนผมไปออกกำลังกายที่ค่ายมวยแห่งหนึ่ง ที่นี่แหละเป็นที่ทำให้ผมได้รู้จักกับคนไทยซึ่งเป็นครูสอนมวยไทยให้กับคนญี่ปุ่น ผมเคยเตะโชจนต้องลางานเพราะลุกไม่ขึ้น ภาษาบ้านเราเรียกว่าเตะเจาะยาง (เตะตรงต้นขา) มันต้องหยุดงานไปสองสามวัน ที่ค่ายมวยสนุกมากมีคนมาเรียนมวยไทยกันเยอะ คนญี่ปุ่นยกขาไม่ค่อยขึ้น ตีเข่าก็ไม่เป็น ตีศอกก็ไม่ได้ ยิ่งเห็นเลือดออกบางคนถึงกับเป็นลมไปเลย
โช…ชวนผมไปเป็นบอดี้การ์ดในวันหยุด อาเทียรก็ให้ไปได้ อาชีพเสริมนี้รายได้ดีมาก ผมไปที่ค่ายมวยที่นี่เกือบทุกวัน จะไปก่อนเข้าทำงาน เก็บเงินซื้ออุปกรณ์เอง บ่าย 2 ผมอยู่ที่นั่นแล้ว ห้าโมงก็จะอาบน้ำแต่งตัว ไปทำงาน
ชอบมากครับสำหรับค่ายมวย เป็นอะไรที่เหมือนได้กลับเมืองไทย ครูที่เป็นคนสอนมวยไทย ถึงจะไม่ใช่เจ้าของค่ายมวย ก็ให้ความช่วยเหลือและแนะนำหลายอย่าง……………. ไดน่ามาหาผมที่โอซาก้า ดีใจมากที่เธอมาหา เธอเอาของมาฝากหลายอย่างโดยเฉพาะอาหารไทยร้านที่ผมชอบที่โตเกียว
อ่านญี่ปุ่นในมุมมืดทั้งหมด คลิ๊ก >>> ญี่ปุ่นในมุมมืด
ภาพโดย : อ.วิโรจน์ สายดนตรี