ชั้นบนของร้านมีห้องที่มีการตั้งตู้เกมส์ มีตู้ม้าด้วย ผมไม่มีหน้าที่ในการขึ้นไปบนห้องนี้ จะมีคนคอยรักษาความปลอดภัยบนชั้นนั้นอีกกลุ่มหนึ่ง ค่อนข้างจะเข้มงวดมากกับการจะเดินขึ้นไป คิงห้ามผมว่าห้ามไปยุ่งบนนั้นโดยเด็ดขาด
ภาพโดย : อ.วิโรจน์ สายดนตรี
ผมจำได้ว่าการเริ่มต้นทำงานวันแรกของผมเป็นวันเสาร์ ผมถึงร้านตั้งแต่ห้าโมงเย็น ช่วยเขาจัดโต๊ะเก้าอี้ ทำความสะอาดบ้าง ประมาณทุ่มกว่ามีคนมาเรียกให้ขึ้นไปบนออฟฟิส หัวหน้าที่ผมต้องทำงานด้วยเป็นคนญี่ปุ่น
หัวหน้าผมมีหน้าที่ในการรักษาความปลอดภัย สถานบันเทิงแห่งนี้ คนในร้านเรียกคนนี้ว่า “คิง” อายุประมาณ 40 ปี ในขณะนั้นผมอายุประมาณ 30 ปี คิงพูดภาษาอังกฤษได้ดี ผมเลยใช้ช่องนี้ในการสื่อสาร มันถามผมว่าผมเป็นอะไรกับอาเทียร ผมตอบว่าเป็นเพื่อน คิงยังรู้อีกว่าผมไม่มีเอกสารเพื่อใช้ในการสมัครงานเลย อยู่ทำงานที่นี่เพราะอาเทียรรับประกันให้ มีอะไรเกิดขึ้น อาเทียรบอกเจ้าของร้านไว้ว่าเธอจะรับผิดชอบเอง
หน้าที่ของผมคือการคุมประตูเข้าออก ด้านหลังร้านตั้งแต่เวลา 1 ทุ่ม – ร้านปิด มีหน้าที่ในการตรวจตราการเข้าออกของพนักงาน ค้นตัวทั้งเข้าทั้งออก มีคนช่วยผมอีกคนเป็นคนญี่ปุ่น เคยเป็นนักมวยหน่วยก้านไม่เบาชื่อ “โช”
หลังจากผมคุยกับคิงพอเข้าใจ ผมก็เริ่มงานทันที เดินไปนั่งหลังร้านมีเก้าอี้ให้นั่ง มองหาอาเทียรไม่เห็น ไม่รู้เธอไปไหน มาส่งผมแล้วก็หายไป ให้ผมกลับบ้านตอนนี้ ผมก็คงกลับไม่ถูก พนักงานในร้านมีประมาณ 20 คน เป็นเด็กเสิร์ฟ บาร์เทนเดอร์ มีผู้หญิงเป็นพนักงานต้อนรับหน้าร้าน ที่นี่การค้นตัวพนักงาน ค้นละเอียดมาก ผมต้องค้นทั้งหญิงและชาย การทำหน้าที่นี้ทำให้ผมคุ้นเคยกับพนักงานได้อย่างรวดเร็ว แล้วทุกคนก็จะจำผมได้เป็นอย่างดี
ชั้นบนของร้านมีห้องที่มีการตั้งตู้เกมส์ มีตู้ม้าด้วย ผมไม่มีหน้าที่ในการขึ้นไปบนห้องนี้ จะมีคนคอยรักษาความปลอดภัยบนชั้นนั้นอีกกลุ่มหนึ่ง ค่อนข้างจะเข้มงวดมากกับการจะเดินขึ้นไป คิงห้ามผมว่าห้ามไปยุ่งบนนั้นโดยเด็ดขาด
ประมาณสี่ห้าทุ่ม คนเที่ยวเริ่มทยอยกันมาเหมือนบ้านเรา มีอีกกฎนึงที่คิงบอกไว้ ห้ามมีเรื่องในที่ทำงานไม่ว่าจะเป็นพนักงานหรือลูกค้า ไม่งั้นจะถูกลงโทษอย่างหนัก ได้แต่คิดในใจหนักแน่สำหรับเรา อยู่กับคนเมา คนจุดเดือดต่ำแบบเราจะไปรอดสักกี่น้ำ
คืนนั้นอาเทียรกลับเข้ามาใกล้ๆ ร้านปิด เธอมารอรับผม ช่วงอยู่ในร้านเธอไม่คุยกับผมเลย มองแล้วก็แค่ยิ้มๆ เหมือนบอกให้สู้ๆ วันนั้นร้านเลิกประมาณตีสอง กว่าจะตรวจพนักงานทุกคนก่อนกลับก็เกือบตีสี่ ซ้อนมอเตอร์ไซค์อาเทียรกลับบ้าน เหนื่อยมากๆ เท่ากับยืนเดินไปมา 8 ชั่วโมงกว่า ระหว่างทางกลับบ้านเธอพาผมขับรถเที่ยวเล่นก่อน บนท้องถนนถึงแม้จะตีสี่แล้วผู้คนก็ยังเยอะอยู่ เธอพาผมไปซื้อของใช้ ของกิน เธอก็ดูเมาๆ แต่ก็ยังรู้เรื่องขับรถได้ เจอตำรวจตั้งด่านตรวจเธอก็เลี้ยวไปเลี้ยวมา พาผมกลับบ้านจนได้ คืนนั้นหลับสนิท ตื่นมาเที่ยงนั่งรออาเทียร เมื่อไหร่เธอจะลงมาจากบ้าน
อาเทียรบอกว่าเธอยังไม่ได้เริ่มงานที่ร้านนี้ อีกสักสองสามอาทิตย์ ถึงจะเริ่มทำงาน ช่วงนี้เธอจะไปรับส่งผมทุกวัน ผมก็โล่งใจ พราะการเดินทางไปทำงานคือปัญหาของผม ทำงานไปได้สามวัน บททดสอบแรกของผมก็มาถึง นอกจากพนักงานแล้วที่ต้องเข้าออกหลังร้าน จะมีลูกค้าอีกกลุ่มที่ใช้ทางเข้าออกนี้ ผมไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่คนกลุ่มนี้ก็ต้องโดนตรวจเหมือนกัน
ผมก็ทำหน้าที่ตรวจตามปกติ มีอยู่คนหนึ่งมันหาว่าผมไม่ให้เกียรติว่าค้นตัวมันรุนแรงทำหน้าตาไม่พอใจ ในคืนนั้นมันเข้าออกหลังร้านไม่รู้กี่รอบ ออกมาสูบบุหรี่บ้าง โทรศัพท์บ้าง ทุกครั้งมันจะมองหน้าผมตลอด ตอนนั้นคิดในใจ จะรอดคืนนี้มั้ยเนี่ย โชเพื่อนร่วมงานที่แสนดีของผมก็ไม่เคยคุยกันเลย จนตอนนั้นผมยังคิดว่ามันเป็นใบ้รึเปล่าว่ะ ไอ้นั่นก็มองหน้าผมไปมาจนผมทนไม่ไหว พูดเป็นภาษาไทยออกไปว่ามองอะไรว่ะ เหมือนมันจะแปลออก เปล่ามันแปลไม่ออก แต่มันโววายเสียงดัง
เพื่อนมันออกมาดูคุยกันเอะอะโววาย ผมไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น จนคิงลงมาพูดคุยกับลูกค้ากลุ่มนี้ ก็ยังดูเหมือนจะยังไม่มีใครพอใจ คืนนั้นอาเทียรก็ดื่มอยู่ในร้าน เธอเดินออกมาดู แต่ก็ไม่ได้เดินมาหาผม คนเริ่มออกมาดูเยอะขึ้นเรื่อยๆ บางคนก็กลัว เช็คบิลแล้วก็รีบกลับบ้านไป กลุ่มนั้นมีกันประมาณ 8-9 คน เป็นผู้ชายทั้งหมด อาเทียรเดินมาบอกผมว่า ไม่เกี่ยวกับผม เล่นตู้ม้าข้างบนแล้วเสียเลยพาล เธอบอกให้ผมเตรียมตัวไว้ถ้ามีเรื่อง แล้วถ้าคิงสั่งลุยก็ลุยเลย แต่ถ้าตำรวจมาให้ผมขึ้นไปอยู่บนออฟฟิส ผมก็พยักหน้า ในตัวผมไม่ได้พกอาวุธอะไรเลย ส่วนโชมีกระบอกไม้ กุญแจมือ พอคนเริ่มกลับกันมากขึ้นร้านก็ปิด เปิดไฟหน้าร้านหลังร้าน กลุ่มที่จะมีเรื่องก็ไม่ยอมกลับ เหมือนจะขอเงินคืนที่เล่นเสียไปและดูเหมือนคิงก็จะไม่ยอม
สุดท้ายคนที่เปิดเกมส์เป็นผมเอง มันเป็นนิสัยเสียของผม ช่วงที่มันเถียงไปเถียงมากับคิง มันก็มองหน้าผมตลอด เราก็อดไม่ได้เดินผ่าวงออกไป เดินไปผลักอกมัน ทุกคนในที่นั้นดูเหมือนจะตกใจกับสิ่งที่ผมทำ สำหรับผมไม่มีการวางแผนหรือคิดอะไรทั้งนั้น สมองสั่งมือก็ตามไปเลย
การผลักอกในครั้งนั้น เป็นเรื่องที่ไม่ค่อยมีในสังคมที่นั่น คนญี่ปุ่นชอบที่จะยืนเถียงกันไปมามากกว่า ส่วนเราคิดว่ามันเสียเวลาแล้วมันก็มองหน้าเรามากไปแล้ว ผมไม่ชอบอดทนกับเรื่องแบบนี้ วันนั้นก็ชกต่อยกันแค่พอหอมปากหอมคอ แต่ก็ทำให้คิงและโชรู้ว่าผมเป็นคนแบบนี้ ส่วนอาเทียรเธอคงรู้อยู่แล้วว่า อนาคตมันจะยังไงต่อ เธอคงเตรียมใจไว้อยู่แล้ว
เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้รู้ว่าอาเทียรเธอไม่ธรรมดา โอซาก้าเป็นเมืองที่เธอมีเส้นสายอยู่พอตัวเลยทีเดียว……….
อ่านญี่ปุ่นในมุมมืดทั้งหมด คลิ๊ก >>> ญี่ปุ่นในมุมมืด