บรรยากาศทุกอย่างดีมาก ถนนสวยไฟสวยผู้คนมากมายมายบนท้องถนน อากาศดีมาก ถ้าเธอกับผมเป็นแฟนกันความรู้สึกวันนั้นคงไม่แพ้คู่รักคู่ไหน แต่มันไม่ใช่มันเป็นแค่เพื่อนคนหนึ่ง ที่รู้จักมาประมาณ 3 เดือน แล้วอยากช่วยเราหาเงิน ทั้งๆ ที่เราอยู่ที่นี่อย่างผิดกฎหมาย
ภาพโดย : อ.วิโรจน์ สายดนตรี
มาอยู่ที่นี่เรื่องที่ผมยังจำได้อยู่เสมอๆ คือการกินอยู่ อาหารการกินไม่อร่อยเหมือนตอนอยู่ที่บ้านไดน่า อาหารญี่ปุ่นเหมือนกันแต่รสชาติไม่เหมือนกันจืดๆ อาหารไทยที่อาเทียรซื้อมาฝากก็ไม่อร่อยเหมือนที่โตเกียว
ที่โตเกียวมีซุปเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งมีอาหารไทยขายอร่อย ไดน่าซื้อมาฝากผมประจำ น้ำพริกก็มีขาย แกงเขียวหวานแบบสำเร็จรูป ไข่เค็ม ผมคุ้นเคยกับรสชาติอาหารที่นั่น ส่วนที่นี่ไม่เหมือนกัน อาหารญี่ปุ่นที่บ้านที่ผมอาศัย ผมทานแทบไม่ได้เลย อาหารไทยที่อาเทียรซื้อมาฝากก็ไม่อร่อย เป็นเพราะอาเทียรคงไม่รู้จักอาหารไทยเหมือนไดน่า
จำได้ว่าเป็นช่วงที่ผมน้ำหนักลดลงมาก เย็นๆ หลังจากพนักงานกลับบ้านผมก็จะมีหน้าที่ในการกวาดสนามหญ้า ลานต่างๆ ในบ้าน ใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่งโมงของทุกวัน ต้นไม้ใหญ่ๆ ในบ้านมีเยอะ พื้นที่สนามกว้าง งานนี้เป็นงานประจำของผมเลย ผมก็ชอบนะเงียบดี ไม่มีใครมาวุ่นวายกับเรา คนงานในบ้านส่วนใหญ่เสร็จงานก็จะกลับบ้าน มีส่วนน้อยที่พักที่นี่
อาเทียรก็เหมือนเดิม บางคืนก็หายไปอีกวันก็กลับมา นี่ถ้าผมไม่ได้มาด้วย เธอคงไม่กลับบ้านมาง่ายๆ เธอกับไดน่า ช่างไม่เหมือนกันเลย ตอนผมอาศัยอยู่กับไดน่า ถึงเธอจะเด็กกว่าอาเทียร แต่อยู่ใกล้ไดน่ารู้สึกมั่นใจมากกว่าเยอะ นอนตาหลับ อยู่บ้านอาเทียรคิดตลอดเวลาว่าจะยังไงต่อ แต่ก็เลือกแล้ว ถ้าไม่เชื่อก็คงไม่มาตั้งแต่แรก
ที่อาเทียรหายๆ ไป คงไปเที่ยวตามนิสัยของเธอ เธอมีเงินใช้อย่างสบายมือตลอดเวลา จนบางทีก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเธอเอาเงินมากจากไหนและก็อดเป็นห่วงไม่ได้ ผมมีเงินติดตัวมาอยู่บ้างเป็นเงินเยนไม่เยอะ ผมฝากเงินไว้กับไดน่าส่วนหนึ่ง อยู่ที่นี่ก็ไม่ได้ใช้จ่ายอะไร กลางคืนเวลาอาเทียรจะออกไปข้างนอก เธอก็จะเดินมาคุยกับผมบ้าง เธอแต่งตัวสวยทุกครั้งเวลาออกจากบ้าน เสื้อผ้าตามแฟชั่นตลอด เธอบอกผมว่าที่ออกไปก็ไปเที่ยวกับเพื่อนๆ ที่นี่เธอมีเพื่อนเยอะ อยู่ที่นี่ตั้งแต่เด็กๆ เคยเรียนหนังสือที่โอซาก้าด้วย เธอบอกผมว่าเธอกำลังหางานทำด้วยและหาให้ผมด้วย อีก 2 วันจะมาพาผมไปฝากงาน
โอซาก้าเป็นเมืองใหญ่ไม่แพ้โตเกียวในความรู้สึกผม อาเทียรพาผมออกมาเที่ยวกลางคืนเป็นครั้งแรก หลังจากอยู่ที่นี่มากว่าครึ่งเดือน เธอพาผมเข้าไปในสถานบันเทิงแห่งหนึ่ง ผมเข้าด้านหลังเพราะผมไม่มีบัตรอะไรเลยสักอย่าง บรรกาศเหมือนผับบ้านเรา มีดนตรีมีเปิดแผ่นเพลง มีการเต้นรำ ลูกค้าส่วนใหญ่ในร้านเป็นชายหญิงอายุประมาณ 25-35 ปี เด็กต่ำกว่านั้นไม่มี อาเทียรรู้จักคนที่นี่เป็นอย่างดี ทั้งคนมาเที่ยวและพนักงาน เธอพาผมเดินขึ้นไปข้างบน ชั้นบนเป็นออฟฟิสมีคนนั่งอยู่ 3-4 คน เป็นคนญี่ปุ่นทั้นหมด อาเทียรคุยกับพวกนั้น คงเป็นการฝากผมทำงาน
คุยอยู่นานพอสมควรก็พากันเดินออกมา เธอบอกผมว่า พรุ่งนี้ให้ผมเริ่มงานที่นี่ ดูแลความเรียบร้อย เหมือนเป็นคนคุมผับนั่นแหละ ดูแลความเรียบร้อยต่างๆ เวลามีปัญหา มีหัวหน้าจะสั่งงานผมอีกที ส่วนอาเทียรก็จะทำงานที่นี่ด้วย ผมก็ยังงงๆ กับงานอยู่แต่ก็โอเค ด้วยความเชื่อมั่นที่เห็นเธอรู้จักทุกคนที่นี่ ว่าไงก็ว่าตามกัน
กลับถึงบ้านเธอก็นั่งคุยกับผมต่อ ผมถามเธอว่า งานของอาเทียรต้องทำอะไร เธอบอกว่า เป็นดีเจกับเพื่อนของเธอ อันนี้เกินคาดผมจริงๆ เคยเห็นเธอบ่อยๆ ที่เธอชอบเสียบหูฟังเพื่อฟังเพลง แต่นึกไม่ถึงว่าจะรู้เรื่องเพลงถึงขนาดเปิดเพลงในที่เที่ยวได้ นึกถึงไดน่าที่เธอเคยบอกว่าอาเทียรเก่งหลายเรื่อง สังคมเยอะน่าจะช่วยหางาน หาเงินให้ผมได้มากกว่าเธอ
เวลาผมคุยกับอาเทียร การสื่อสารจะไม่ค่อยง่ายเท่าไหร่ บางอย่างที่เธอพูดผมไม่เข้าใจเลยก็มี ผมเลยบอกเธอ ให้ไปซื้อ Talking Dict เหมือนที่ไดน่าเคยใช้ ไม่งั้นถ้าผมไปเริ่มงานแล้วมีปัญหาที่นั่น ผมจะลำบากมาก เธอเข้าใจ เธอบอกว่าพรุ่งนี้จะไปซื้อ
ผมมีแต่กางเกงยีนส์ เสื้อยืด แจ็คเก็ต รองเท้าผ้าใบ เริ่มงานใหม่ด้วยของเพียงแค่นั้น จากบ้านเดินทางประมาณครึ่งชั่วโมง ต้องถึงที่นั่นประมาณหนึ่งทุ่ม ส่วนอาเทียรจะเข้างานหลังผม วันแรกที่ต้องไปเริ่มงานเธอไปเป็นเพื่อนผม เธอขี่มอเตอร์ไซค์ส่วนผมซ้อน บรรยากาศทุกอย่างดีมาก ถนนสวยไฟสวยผู้คนมากมายมายบนท้องถนน อากาศดีมาก ถ้าเธอกับผมเป็นแฟนกันความรู้สึกวันนั้นคงไม่แพ้คู่รักคู่ไหน แต่มันไม่ใช่มันเป็นแค่เพื่อนคนหนึ่ง ที่รู้จักมาประมาณ 3 เดือน แล้วอยากช่วยเราหาเงิน ทั้งๆ ที่เราอยู่ที่นี่อย่างผิดกฎหมาย ทุกอย่างมีความเสี่ยงอยู่ตลอดทุกวินาทีที่ย่างก้าว
ผู้อ่านครับ ที่โอซาก้านี้มันมาก เรื่องราวมีเกิดขึ้นแทบทุกวันที่มาทำงาน ผมโดนรุมจนสลบเป็นครั้งแรกบนแผ่นดินญี่ปุ่น หลังจากนั้นผมไม่เคยล้มอีกเลย จนกลับเมืองไทย
อ่านญี่ปุ่นในมุมมืดทั้งหมด คลิ๊ก >>> ญี่ปุ่นในมุมมืด