ย้อนรอยซีรีส์ CHANGE นายกมือใหม่ หัวใจประชาชน…ละครเรื่องนี้ฉายบนจอโทรทัศน์ญี่ปุ่นเมื่อ 9 ปีที่แล้ว แต่สิ่งที่นำเสนอในละครยังเข้ากับยุคในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเมืองญี่ปุ่นหรือของไทยเอง
ล่าสุดได้ข่าวมาว่า ประเทศไทยเองก็กำลังสร้างละครแนวรักชาติออกมาเหมือนกัน ถ้ามองไปที่ฝั่งญี่ปุ่น ละครบ้านเขามีแนวนี้เยอะมากๆ ค่ะ ทั้งเรื่องจริงอิงประวัติศาสตร์ หรือเรื่องแต่งที่มีแก่นหลักของเรื่องคือ เพื่อ “ประเทศชาติ” และละครเรื่องหนึ่งที่สร้างชื่อเสียงเป็นอย่างมากก็คือเรื่อง “CHANGE”
ละครเรื่องนี้ฉายบนจอโทรทัศน์ญี่ปุ่นเมื่อ 10 ปีที่แล้ว นำแสดงโดยนักร้อง นักแสดงฝีมือระดับต้นๆ ในวงการญี่ปุ่นอย่าง “ทาคุยะ คิมูระ” เมื่อไม่กี่วันมานี้เราได้ย้อนกลับไปดูเรื่องนี้อีกครั้ง เชื่อไหมคะว่า แม้มันจะผ่านมาแล้ว 10 ปี แต่สิ่งที่นำเสนอในละครยังเข้ากับยุคในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเมืองญี่ปุ่นหรือของไทยเอง
วันนี้เลยขอโอกาสย้อนรอยไปกับละครการเมืองเรื่องนี้ แล้วคุณจะรู้ว่า ทำไมถึงเป็นละครยอดฮิตเรื่องหนึ่งในแดนปลาดิบ
นายกรัฐมนตรี ที่เข้าใจหัวใจประชาชน
ละครเรื่องนี้จะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับนายกรัฐมนตรีค่ะ แต่คนที่มาเป็นนายกฯ ในเรื่อง ค่อนข้างแตกต่างจากนายกฯ ทั่วไปสักนิดนึงค่ะว่า เขาเป็นแค่ประชาชนทั่วไป อดีตครูสอนนักเรียนชั้นประถม ไม่เคยข้องเกี่ยวกับโลกการเมืองเลย แต่แล้ววันหนึ่งพ่อของเขาที่เป็นนักการเมือง ซึ่งเป็นพรรคใหญ่อยู่เช่นกัน ประสบอุบัติเหตุทางเครื่องบินจนเสียชีวิตพร้อมกับลูกชายอีกคน ทีนี้ก็เกิดปัญหากับทางพรรคสิคะ เพราะไม่มีส.ส.มาแทน แต่แล้ว “มิยาม่า” เลขาสาวของ “คัมบายาชิ” เลขาธิการของพรรคก้าวหน้าที่พ่อพระเอกสังกัดอยู่ เลยออกตามหาผู้ที่จะมาสืบทอดการเป็นส.ส.แทน และแล้วเธอก็ได้พบกับ “อาซากุระ เคตะ” ครูสอนเด็กประถม หน้าตาดีคนหนึ่ง มีงานอดิเรกชอบดูดวงดาว และพอใจในชีวิตอันเรียบง่าย มีความสุขกับการสอนเด็กๆ
มิยาม่าได้ขอร้องให้เคตะลงสมัครส.ส.เขต แต่เขาก็ปฏิเสธอย่างหนักแน่น เหตุผลก็คือ
“ผมเกลียดโลกการเมือง”
มิยาม่าเลยยื่นข้อเสนอว่า
“แล้วคุณไม่คิดที่จะทำให้มันเป็นโลกที่ดีขึ้นเหรอ”
จากการตามตื้อของมิยาม่า และเคตะเองก็ไม่อยากให้แม่ลงสมัครแทน ในที่สุดเคตะก็ตัดสินใจลงสมัครส.ส. แม้เขาจะไม่มีความรู้ด้านการเมืองเลย แต่เขาก็ถือว่าเป็นส.ส.ที่ดูโดดเด่นมาก เพราะทั้งหน้าตาที่หล่อเหลาเอาการ และอายุที่ยังหนุ่มกว่านักการเมืองท่านอื่น แม้เคตะจะถูกโจมตีด้วยเรื่องสินบนที่พ่อเขารับมา แต่ด้วยการสารภาพความผิดด้วยความจริงใจ ทำให้ประชาชนเชื่อมั่นว่า เขาคนนี้นี่แหละจะไม่ทรยศเรา อาซากุระ เคตะ เลยได้รับเลือกให้เป็นส.ส.ประจำเขตนั้น
แต่เรื่องก็ยังไม่จบแค่นี้หรอกนะคะ เมื่อจู่ๆ คัมบายาชิ เลขาธิการพรรคก้าวหน้า ยื่นข้อเสนอให้เขาลงสมัครเป็นหัวหน้าพรรคและนายกรัฐมนตรี เพราะต้องการปรับภาพลักษณ์ของพรรคการเมืองให้ดีขึ้น และนี่ถือว่าเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น ที่จะมีนายกเพียงอายุ 35 ปี และเพิ่งผ่านการสมัครส.ส.มาแค่ครั้งเดียวเท่านั้น! ด้วยอำนาจของคัมบายาชิ ทำให้ทุกคนในพรรคต่างลงคะแนนเสียงให้เคตะเป็นหัวหน้าพรรค และเขาก็ได้ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่น ที่ไม่มีความรู้ด้านการเมือง รัฐศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ อะไรทั้งนั้น แต่เขาก็สัญญาว่าจะทำหน้าที่นี่ให้ดีที่สุด และนี่ก็คือจุดเริ่มต้นของนายกรัฐมนตรีมือใหม่ หัวใจประชาชน
นายกฯ ที่แท้จริง ต้องรับฟังและเข้าใจเสียงของประชาชน
ฉากหนึ่งที่คิดว่ากินใจทั้งคนดูมากๆ เลยน่าจะเป็นฉากนี้ค่ะ อาซากุระ เคตะ เขาเป็นนายกฯ ที่ไม่เหมือนใคร ในเวทีโต้วาที นักการเมืองที่ลงสมัครต่างโชว์ภูมิว่าตัวเองจะแก้ปัญหานั้น ปัญหานี้อย่างไร ใช้ศัพท์ยากๆ เหมือนกับว่าฉันเรียนมา ฉันเชี่ยวชาญนะ ในขณะที่เคตะไม่รู้เลยว่าจะแสดงความคิดเห็นอะไร ไม่ใช่ว่าเขาไม่มีความรู้นะคะ แต่เขาแค่ไม่เข้าใจสิ่งที่เหล่านักการเมืองพวกนั้นพูดต่างหาก นักการเมืองคนอื่นมองว่า เขาไม่สนใจประชาชนเหรอ แต่เขากลับตอบไปว่า
“ไม่ใช่ว่าผมไม่สนใจนะครับ แต่ผมคิดว่าเรื่องที่คุณกำลังพูดกันอยู่
ไม่เห็นจะเกี่ยวข้องกับประชาชนเลย พวกเขาคงไม่เข้าใจเรื่องที่พวกคุณเถียงกันอยู่
คุณช่วยอธิบายเหมือนผมเป็นเด็กป.5 ได้ไหมครับ”
ดูจะเป็นประเด็นเล็กๆ แต่ชายหนุ่มคนนี้กลับมองเห็นถึงปัญหาของประชาชน นักการเมืองหลายคนมักจะมุ่งเป้าไปที่การอภิปรายเรื่องหนักๆ ใช้ภาษาที่พวกเขาเข้าใจกันเอง โดยลืมไปเลยว่า บางทีสิ่งที่คุยกันอาจไม่ได้เกี่ยวกับประชาชนเลย ซึ่งนักการเมืองคือคนที่เข้าไปทำงานแทนประชาชน ก็น่าจะนึกถึงประชาชนเป็นอันดับแรก
“สิ่งสำคัญของการเป็นนายกคือ
สามารถเป็นตัวแทนของประชาชนได้อย่างแท้จริง
พวกคนแก่อาจมีประสบการณ์มากกว่า
แต่การที่เขาอยู่ในโลกการเมืองมานาน
มันทำให้เขาไม่เข้าใจประชาชนก็ได้”
เป็นละครที่ตีแผ่มุมมืดของการเมือง
ละครเรื่องนี้ไม่ได้นำเสนอภาพสวยงามของวงการการเมืองสักเท่าไหร่ แต่ยังสะท้อนให้เห็นมุมมืดของนักการเมือง ไม่ว่าจะเป็นกรณีของคัมบายาชิ ที่จริงๆ แล้วก็วางแผนจะใช้เคตะเป็นหุ่นเชิด แต่เรื่องมันไม่ง่ายอย่างนั้น เพราะเคตะเองก็ไม่ยอมที่จะเป็นหุ่นเชิดให้ใคร รวมถึงการแบ่งพรรคแบ่งพวกกันอีกที แต่ละคนคอยที่จะสกัดขาคนที่เหนือกว่า หรือการทุจริต คอรัปชั่น ก็เป็นสิ่งที่ถ่ายทอดในละครเรื่องนี้ ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกันค่ะว่า เนื้อหาแบบนี้จะสามารถนำเสนอผ่านละครโทรทัศน์ได้ โดยไม่มีการเซ็นเซอร์ แต่ก็ถือว่าเป็นการเปิดมุมมอง และนำเสนอให้สังคมได้ตระหนักถึงปัญหาทางการเมืองให้มากขึ้น
แต่ก็นำเสนอมุมของนายกฯ ที่ดีด้วย
แม้จะนำเสนอมุมที่ไม่ค่อยสวยของนักการเมือง แต่อีกด้านเขาก็นำเสนอมุมดีๆ ของการเมืองเช่นกันโดยเฉพาะบทบาทของนายกรัฐมนตรีค่ะ ผ่านการเล่าเรื่องของอาซากุระ เคตะ ด้วยความที่เขาไม่มีความรู้เรื่องการเมืองเลย ทำให้เขาต้องมานั่งเรียนทุกอย่างทุกคืนๆ ตอนเช้าก็เข้าสภาไปทำงาน แถมอ่านเอกสารทุกอย่างอย่างละเอียด คอยฟังเสียงประชาชนว่ามีที่ไหนที่มีคนเดือดร้อน ก็จะลงพื้นที่ไปช่วย ตลอด 24 ชั่วโมง นายกฯ ไม่ได้หยุดพักเลย
“เพราะเขาทำงานแบบนี้สินะถึงได้นอนไม่อิ่ม”
“ไม่ใช่ครับ ท่านไม่ได้นอนเลยต่างหาก”
ทำให้เห็นว่าจะเป็นนายกฯ ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนะ ต้องมีความรู้อะไรหลายๆ อย่าง ต้องทำงานหนัก เวลาจะออกไปไหนมาไหนก็ลำบาก เพราะเป็นที่จับตามองของประชาชน เรียกได้ว่า ตลอด 24 ชั่วโมง มีแต่เรื่องประเทศชาติที่ท่านนายกฯ ต้องดูแล
แม้คิดต่าง แต่ต้องไม่แตกแยก
การเจอนายกฯ ที่ดี ก็จะช่วยให้ประชาชนอยู่อย่างมีความสุข แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายใช่ไหมคะ เรื่องการทำเพื่อประเทศ เพราะความคิดคนเราย่อมแตกต่างกัน แต่นั่นแหละ ยิ่งแตกต่างก็ยิ่งต้องพูดออกมาให้เข้าใจ เอาใจเขามาใส่ใจเรา หากเราเข้าใจ เราจะไม่ทะเลาะกัน
“เพราะเราเป็นพวกเดียวกัน หากมีอะไรที่เธอไม่ชอบ หรือไม่พอใจก็บอกให้คนอื่นรู้
แต่ก็ต้องรับฟังคนอื่นด้วย เราควรระลึกไว้เสมอว่า แต่ละคนย่อมแตกต่างกัน
ถ้าเราคิดว่าทุกคนเหมือนกันหมด เราก็จะไม่พอใจมาก ถ้ามีความเห็นไม่ตรงกัน
หากมีใครทำอะไรต่างออกไป เราก็คิดว่าพวกนั้นเป็นพวกนอกคอก
เป็นเหตุให้เกิดการทะเลาะรังแกกัน แต่ไม่มีใครหรอกที่จะเหมือนกันทุกอย่าง
ทุกคนมีความคิดที่ต่างกัน และอยู่ในสถานการณ์ที่ต่างกัน
ดังนั้น เราควรที่จะเอาใจเอามาใส่ใจเราบ้าง และยอมรับในสิ่งที่เขาเป็น”
ถ้าอยากมีประเทศชาติที่ดีขึ้น ทุกคนต้องร่วมกันเปลี่ยนแปลง
หากสังเกตดีๆ ละครเรื่องนี้ไม่ได้เริ่มต้นจากการได้นักการเมืองที่มาจากประชาชนจริงๆ หรอกค่ะ เพราะเคตะ เป็นลูกของนักการเมือง เขาเลยมีโอกาสเข้ามาในโลกการเมืองได้ แม้อาซากุระ เคตะ จะดีแค่ไหน แต่เขาก็ไม่ใช่นายกฯ ที่มาจากการเลือกตั้งรวมหลายๆ พรรค แต่เป็นการต่อสู้แค่ในพรรคเดียวกัน พอหัวหน้าพรรคคนหนึ่งหลุดตำแหน่ง ก็ต้องหาหัวหน้าพรรคคนต่อไปขึ้นมาแทน และคนที่ได้เป็นหัวหน้าพรรค ก็จะดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีโดยอัตโนมัติ ซึ่งเคตะเองก็จะเจอวิธีการนี้เล่นงานในภายหลัง มีคนพยายามบีบบังคับเขาให้ลาออก เพื่อใครสักคนจะได้กลับมามีอำนาจแทน แต่เขาไม่ใช่นักการเมืองทั่วไปค่ะ ละครรวมถึงตัวละครเคตะได้เรียกสติ และให้เรากลับมาทบทวนกันดีๆ อีกทีว่า หากเรายังปกครองกันแบบประชาธิปไตย เรื่องของการเมืองมันไม่ใช่เกม หรือการตกลงจัดการกันแค่ในกลุ่มของนักการเมือง จริงๆ แล้วอำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชนทุกคน คนที่จะเลือกให้ใครเข้าไปอยู่ในสภาคือเราเท่านั้นค่ะ ประชาชนเท่านั้นที่จะ “เปลี่ยนแปลง” โลกของการเมืองให้ดีขึ้นในสักวัน
“ประเทศเรายังมีปัญหาอีกมากมายที่รอการแก้ไข
แต่ว่ามันไม่ใช่หน้าที่ของนักการเมืองเท่านั้น แต่มันเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องร่วมมือร่วมใจกัน
พวกคุณมีทั้งสิทธิและหน้าที่ที่จะเลือกผู้แทนที่ดีเข้ามาในสภา
พวกคุณเท่านั้นที่จะเป็นคนเลือกเอง”
-CHANGE –
เรื่องแนะนำ :
– ตัวละครญี่ปุ่นชอบเรียกชื่อจริงกันหรือเปล่า!?
– 5 วงนักร้องญี่ปุ่นที่มีสมาชิกเยอะเป็นกองทัพ (นอกจาก AKB48)
– 5 ความแกร่งของนางเอกละครญี่ปุ่น
– เหตุผลที่ว่าทำไมคนไทยถึงรักทาคุยะ คิมูระ
– คาเมะ&ยามะพี รีเทิร์น! ย้อนรอย Nobuta wo Produce เมื่อ 12 ปีที่แล้ว
ขอขอบคุณรูปภาพและข้อมูลจาก
ซีรีส์ญี่ปุ่นเรื่อง CHANGE
http://asianwiki.com/Change_(2008-Japan-Fuji_TV)