ผมเคยดูรายการทีวีของคนญี่ปุ่น ในโลกนี้มียาตัวนึง ที่สามารถรักษาอารมณ์ของมนุษย์ได้ทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นความเศร้าที่ทำให้เราจมไปในความมืด ความผิดหวังที่ทำให้เราเสียน้ำตาเป็นคืนเป็นวันหรือแม้แต่ความสุข ความปลื้มปิติ ทุกอย่างจะถูกปัดเป่าด้วยตัวยาที่ชื่อว่า “กาลเวลา”
ผมเคยดูรายการทีวีของคนญี่ปุ่น ในโลกนี้มียาตัวนึง ที่สามารถรักษาอารมณ์ของมนุษย์ได้ทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นความเศร้าที่ทำให้เราจมไปในความมืด ความผิดหวังที่ทำให้เราเสียน้ำตาเป็นคืนเป็นวันหรือแม้แต่ความสุข ความปลื้มปิติ ทุกอย่างจะถูกปัดเป่าด้วยตัวยาที่ชื่อว่า “กาลเวลา”
จริงอยู่ว่าตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมา เมื่อผู้อ่านทุกท่านเข้าสู่โลกออนไลน์ ความสลด เศร้าโศก อาลัยคงจะหลั่งไหลเข้ามา แม้แต่ตัวผมเอง ก็รู้สึกจริง ๆ ว่าตัวอักษรร้องไห้ได้มันเป็นยังไง เพราะตอนนี้ไม่ว่าจะเข้าเว็บไซต์ไทยแห่งหนใด.. ก็อดเศร้าไม่ได้
ผู้เขียนคิดไว้นานแล้วว่าอยากจะพูดอยากแชร์ถึง.. งานศพของคนญี่ปุ่นมานานแล้ว แต่เว็บไซต์มารุมุระน่าจะไม่เหมาะ แต่ถือว่านี่เป็นโอกาสเป็นการแชร์ความรู้ และเป็นการอาลัยพ่อหลวงของแผ่นดินไปเลยละกันครับ… แต่ขอออกตัวก่อนเลยนะครับ ในบทความนี้ผู้เขียนจะไม่ขอลงถึงเรื่องพิธีรีตรอง จะไม่ให้ข้อมูลว่างานศพญี่ปุ่นต้องใส่ซองเท่าไหร่… งานศพต้องจัดหันทิศไหนยังไง แต่อยากจะพูดถึงว่าด้วยความรู้สึกกับวัฒนธรรมของเขาแทน
ตอนช่วงชีวิตที่ผมอยู่ญี่ปุ่น ผมเจองานศพทั้งครูทั้งเพื่อนของตัวเองที่เสียขีวิตด้วยโรคมะเร็งตั้งแต่ยังหนุ่มแน่น เชื่อว่าคงมีคนไทยไม่มากนัก… ที่จะต้องสัมผัสโอกาสแบบนี้ ทั้ง ๆ ที่เราเองก็ไม่อยากเจอเลย ไหนจะต้องดูหน้าเพื่อนที่ร่วมเรียนร่วมเล่นกันมาตอนที่เสียชีวิตแล้ว (เขาเปิดหน้าไว้ให้เราเห็นครับ) หรือต้องอยู่ในสภาวะบรรยากาศที่แสนหม่น ทุกอย่างเป็นสีเทา… แต่สิ่งนึงที่อยากบอกคือคนญี่ปุ่นถือเป็นชนชาตินึงที่จัดงานศพสั้นมากครับ คือจัดแค่สองวัน!!
เรื่องนี้เป็นที่น่าสนใจ เพราะคนญี่ปุ่นเคยพูดกับผมเองว่า “นี่มันสำคัญมากนะ เพราะนี่คือครั้งสุดท้ายที่จะได้บอกลากัน” ไม่ว่าใครจะติดธุระแห่งหนตำบลใด ทุกคนจะมารวมตัวกัน เศร้ามาก เศร้าหนัก แต่เศร้าไม่นาน
ส่วนเรื่องที่น่าสังเกตอีกอย่างคือ งานศพญี่ปุ่นก็มีการแจกเลี้ยงอาหารคล้าย ๆ ของไทย แต่เขาจะแยกไปทานอีกที่นึง ไม่ได้ทานต่อหน้าศพ (ต่างกับของเราที่ กระเพาะปลา ข้าวต้ม ขนมปังแจกต่อหน้าศพเลย กินกันตรงนั้น จะคุยจะร้องไห้ก็ตรงนั้นเลย)
การไม่ทานต่อหน้าศพ อาจมีอีกประเด็นคือ คนญี่ปุ่นหลาย ๆ คนแยกโหมดอารมณ์ตัวเองได้เก่งมาก งานที่ผมไปตอนทำความเคารพศพ น้ำตานองราวกับฟ้าสลาย แผ่นดินมลาย แต่พอในห้องจัดเลี้ยงก็คุยเรื่องอื่น เรื่องงาน อัพเดทข้อมูลกับผองเพื่อนที่ไม่เจอกันนาน น้ำตาก็ไม่มีสักหยด บางคนหัวเราะด้วยซ้ำ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น !!?
คือ… ตัวผมเองปรับโหมดตามเพื่อนไม่ทัน… แต่ผมกลับรู้สึกว่านี่เป็นจุดเด่น หรืออาจจะเป็นวัฒนธรรมของเขาเลยก็ว่าได้ คนญี่ปุ่นอาจถูกอบรมกันมาให้แยกเรื่องต่าง ๆ และอารมณ์ออกกันอย่างขัดเจน ความเศร้าส่วนตัวไม่ใช่เรื่องผิด… แต่งานก็ส่วนงาน ความเศร้าโศกา ไม่สามารถใช้มาเป็นข้ออ้างได้‼
ส่วนการไว้ทุกข์ คนญี่ปุ่นที่รู้จักเมืองไทย เซอร์ไพร์ซและ amazing มากกับการเปลี่ยนสีโทรทัศน์ และเว็บไซต์ทั้งแผ่นดินกลายเป็นชาวดำ แต่อย่างไรก็ตาม ผมขอขอบคุณและซาบซึ้งกับผองเพื่อน รุ่นพี่ เหล่าคนญี่ปุ่นที่ผมรู้จักทุกท่านที่ส่งข้อความแสดงความอาลัย กับข่าวร้ายของเมืองไทยเช่นกัน… และขอบคุณที่เหมือนเพื่อน ๆ ของผมจะเข้าใจคนไทยระดับนึง ไม่ค่อยถามว่าไว้ทุกข์หนึ่งปีนานไปไหม ทำไมต้องเปลี่ยนทีวีเป็นขาวดำ และอื่น ๆ อีกมากมายหลายประเด็น
ภูมิใจเหลือเกินที่ได้เกิดมาอยู่ในห้วงเวลา แผ่นดินของพ่อหลวงท่านนี้
เรื่องแนะนำ :
– โนเบล…(อีกแล้ว)
– อาหารจีนสไตล์ Japan Only!
– คนญี่ปุ่น… เขาแชร์อะไรกันอ่ะ!?
– The Kaigi (Meeting) สมรภูมิญี่ปุ่นมึน
– วิธีน่าสนใจที่ผู้หญิงญี่ปุ่น เขา (แอบ?!) ใช้จีบผู้ชาย