ดิฉันลองดู Top 100 หนังสือฮาวทูขายดีในเว็บ Amazon Japan เว็บขายหนังสือออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุด ก็รู้สึกได้ว่า มันช่าง …. มีความเป็นคนญี่ปุ่นเหลือเกิน คนชาตินี้เป็นคนอย่างไร เผชิญปัญหาอะไรอยู่ ก็จะอยากอ่าน content แบบนั้น ลองมาดูหนังสือฮาวทูยอดฮิตของคนญี่ปุ่นกันนะคะ
มีอาจารย์ท่านหนึ่งบอกดิฉันว่า ถ้าอยากรู้สภาพเศรษฐกิจให้ดูจากหนังสือในร้านหนังสือก็ได้ หากเศรษฐกิจตก ตามแผงหนังสือจะมีหนังสือแนวธรรมะเยอะมาก (ใดๆ ในโลกล้วนอนิจจัง เงินในกระเป๋าสตางค์ของพวกเราด้วย…ทำนองนี้) ถ้าเศรษฐกิจรุ่ง พวกสอนการลงทุน บันเทิง หนังสือดารา หนังสือแนวงานอดิเรก ก็จะวางอย่างหลากหลาย
ดิฉันคิดว่า นอกจาก list ของหนังสือขายดีจะสะท้อนเศรษฐกิจแล้ว มันยังสะท้อนความเป็นชาตินั้นๆ อีกด้วย
ดิฉันลองดู Top 100 หนังสือฮาวทูขายดีในเว็บ Amazon Japan เว็บขายหนังสือออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุด ก็รู้สึกได้ว่า มันช่าง …. มีความเป็นคนญี่ปุ่นเหลือเกิน คนชาตินี้เป็นคนอย่างไร เผชิญปัญหาอะไรอยู่ ก็จะอยากอ่าน content แบบนั้น ลองมาดูหนังสือฮาวทูยอดฮิตของคนญี่ปุ่นกันนะคะ
1. แนวเสริมความกล้า
ด้วยความที่… คนญี่ปุ่นมักทำอะไรเป็นหมู่คณะ ไม่อยากแตกต่างจากคนอื่น ใครเรียงแถวทำอะไร ฉันก็จะเข้าแถวด้วย ไม่มีการแตกแถวเด็ดขาด ขนาดผู้หญิงญี่ปุ่นเวลาสงสัย ก็ต้องทำท่าเอียงหัวเหมือนกัน เวลาหัวเราะก็จะต้องยกมือปิดปากเหมือนๆ กัน กรณีมนุษย์เงินเดือน หากคนอื่นเขายังทำงานกัน คุณก็ต้องนั่งทำงานต่อด้วย ถ้าเจ้านายชวนไปดริ๊งก์หนึ่งกรึ๊บหลังเลิกงาน คุณก็ต้องตามไปกับคนทั้งทีมเพื่อแสดงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
แต่มนุษย์ก็คือมนุษย์ จริงๆ แล้ว ภายใต้ก้นบึ้งลึกลงไปในจิตใจของชาวอาทิตย์อุทัยนั้น พวกเขาก็อยากที่จะ … เอ่อ …. ทำอะไรแตกต่างจากคนอื่นบ้าง แต่แค่ไม่กล้า
เพราะฉะนั้น หนังสือแนวปลุกพลังความกล้าจึงมีเยอะมาก อย่างเล่มที่แปลเป็นภาษาไทยแล้ว คือ “กล้าที่จะถูกเกลียด” นอกจากนี้ก็จะมีหนังสือชื่อดังต่อไปนี้ …
– “วิธีใช้ชีวิตโดยไม่ต้องตามหมู่คณะ (群れない生き方)”
– “ใช้ชีวิตแบบเป็นตัวคุณ ให้ไม่เสียใจเลยสักวินาที (本音で生きる 一秒も後悔しない強い生き方)” (เล่มนี้เขียนโดยคุณโฮริเอมง อดีตประธานบริษัทชื่อดังที่ทำความผิดติดคุก แต่ตอนนี้ออกมาได้แล้ว)
– “เอาเวลาเราคืนมา (自分の時間を取り戻そう)” (อารมณ์ประมาณว่าคุณต้องอดทนอดกลั้นไปทานกับเพื่อนทั้งๆ ที่ไม่ได้อยากไป หรือไปตีกอล์ฟกับเจ้านาย ทั้งๆ ที่อยากนอนตีพุงอยู่กับบ้านมากกว่า เลิกทำอย่างนั้นเถอะ)
นอกจากนี้ก็จะมีแบบ “กล้าที่จะอยู่คนเดียว” “วิธีอยู่แบบ Independent” ฯลฯ สิ่งเหล่านี้เป็นปัญหาที่เราชาวไทยไม่ค่อยเผชิญเท่าไร เพราะเราเองก็ไม่ค่อยสนหรอกว่า คนอื่นจะมองหรือจะคิดอะไรกับเราอย่างไร ต้องทำตัวให้เหมือนใครไหม อยากทำอะไรก็ทำ แรงกดดันทางสังคมจะน้อยกว่าแบบญี่ปุ่นค่ะ
2. แนวโฮสเตส
โฮสเตสถ้าแปลตรงๆ ก็จะอารมณ์สาวนั่งดริ๊งก์ตามบาร์ หน้าที่ของพวกเธอ คือ คอยนั่งคุยกับแขกหรือฟังคำพร่ำบ่นจากเหล่าซาลารี่แมนผู้ไม่รู้จะไประบายที่ไหน จะว่าไป อาชีพโฮสเตสเป็นอีกอาชีพที่คนญี่ปุ่นให้เกียรติ เพราะเขาถือว่าเป็นอาชีพที่ใช้สกิลในการสื่อสารสูง เพราะลูกค้ามักเป็นประธานหรือผู้บริหารระดับสูง (เป็นกลุ่มที่มีปัญญาจ่ายค่าดริ๊งก์สุดโหด) โฮสเตสที่ดัง ๆ และประสบความสำเร็จถึงกับต้องอ่านหนังสือพิมพ์แนวธุรกิจเศรษฐกิจ ถ้าเป็นบ้านเราก็คงพวกฐานเศรษฐกิจ กรุงเทพธุรกิจ ทุกเช้า เพื่ออัพเดทข้อมูล เอาไว้เข้าใจสิ่งที่บิสิเนสแมนพูด
เพราะฉะนั้นด้วยเนื้องาน พวกเธอจึงมีทักษะการฟัง การพูด โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนมากหน้าหลายตา หลายวัย อย่างยอดเยี่ยม โฮสเตสสาวหลายคนเห็นโอกาส เลยพลิกตัวมาเป็นนักเขียน โดยเฉพาะพวกโฮสเตสสาวที่เป็นอันดับ 1 ของบาร์ดังๆ ตามย่านกินซ่า หนังสือที่โฮสเตสเขียน หลักๆ จะมีสองแนว คือ
หนึ่ง … แนวการสื่อสาร เช่น “เทคนิคการฟังแบบโฮสเตสกินซ่า” “ทำอย่างไรให้คนที่เพิ่งรู้จักหัวเราะออก” “คำคมจากกระดาษโน้ตโฮสเตส (เรื่องราวของโฮสเตสสาวที่พูดไม่ได้ ต้องสื่อสารกับแขกโดยใช้การเขียนแทน แต่เธอมักมีคำคมหรือการพลิกคำพูดที่ทำให้แขกแปลกใจและโล่งใจได้)” ผู้อ่านแนวนี้ส่วนใหญ่ก็เป็นบิสินิสแมนนี่แหละค่ะ
แนวที่สอง คือ แนวแอ๊วหนุ่ม เช่น เทคนิคการอ้อนหนุ่มๆ โดยไม่ให้เขารู้ตัว หรือวิธีทำให้หนุ่มตกหลุมรักคุณหัวปักหัวปำ กลุ่มผู้อ่านก็คือสาวๆ นี่แหละ หนังสือกลุ่มนี้ก็จะมีเนื้อหาอย่างละเอียดตั้งแต่ จะเริ่มเปิดบทสนทนาอย่างไร เวลาผู้ชายพูดอะไรให้พยักหน้ากี่ที อย่าลืมทำตาโตแล้วกระพริบตาด้วย บางเล่มผู้ชายอ่านแล้วจะสะดุ้ง เช่น “ไม่ว่าผู้ชายจะพูดเรื่องที่คุณฟังมาแล้วเป็นล้านรอบ หรือเป็นเรื่องห่วยแตกน่าเบื่ออย่างไรก็ตาม ให้เท้าคาง ทำตาโต แล้วทำท่าสนใจ พยักหน้าหงึก ๆ พร้อมพูด “ว้าว สุดยอด” เป็นระยะๆ แม้จริงๆ คุณอาจไม่ได้ฟังสิ่งที่เขาพูดเลยก็ตาม” (น่ากลัวจริงๆ)
ด้วยความที่คนญี่ปุ่นเป็นคนคิดมาก ขี้เกรงอกเกรงใจ เวลาพูดคุยกับคนแปลกหน้าจึงมักตื่นเต้น เพราะสมองมัวแต่คิดว่า “ฉันควรพูดแบบนี้ไหม” “คำพูดฉันจะไปกระทบจิตใจเขาหรือเปล่า” พวกเขาจึงต้องการฮาวทูที่ทำให้ตัวเองสื่อสารได้ดีขึ้น และหนังสือของสาวๆ โฮสเตสก็เป็นหนึ่งในทางเลือกที่เข้ามาเติมเต็มความต้องการของพวกเขา
3. แนวนอน
ดิฉันหมายถึง …“การนอน” จริง ๆ ค่ะ (หาใช่แนวตั้ง-แนวนอนไม่)
ด้วยความที่จริงจังกับงานมากๆ คนญี่ปุ่นหลายคนจึงประสบปัญหาด้านการนอน นอนไม่หลับเพราะเครียดเรื่องงาน หรือเผลอคิดไอเดียใหม่ๆ
นักเขียนญี่ปุ่นหรือผู้เชี่ยวชาญด้านสมองหลายคนจึงออกหนังสือฮาวทูนอนกันเป็นแถว ซึ่งโดยส่วนตัวแล้ว ดิฉันรู้สึกทึ่งอึ้งมากๆ ที่เขาสามารถเล่าถึงการนอนได้เป็นเล่ม ๆ แถมทำเนื้อหาได้หลากหลายอีก เช่น
“เทคนิคนอนให้สบาย และเพิ่มศักยภาพของสมอง! (脳力)をのばす! 快適睡眠術)”
“เทคนิคการนอนที่ทำให้คุณสามารถล้างความเหนื่อยล้าได้ใน 1 คืน”
“ฝึกนิสัยตื่นตี 5: วิธีนอนให้ได้ 5 ชั่วโมง (朝5時起きが習慣になる「5時間快眠法」)”
“หนังสือที่ทำให้คุณไม่รู้สึกว่า “เช้านี้ช่างลุกยากนัก” อีกต่อไป: เทคนิคการตื่นอย่างสดชื่น (「朝がつらい」がなくなる本―ぐっすり眠る、すっきり起きる習慣術。) “
“นอนให้ได้คุณภาพ First Class (一流の睡眠)”
“นอนหลับให้เป็น งานเด่น ชีวิตดี” (สำนักพิมพ์ส.ส.ท. นำมาแปลเรียบร้อยแล้วค่ะ)
อ่านแล้วช่าง … น่านอน …จริง ๆ ค่ะ 555
ว่าแล้วไปสังเกตแผงหนังสือในไทยบ้างดีกว่า แผงหนังสือจะสะท้อนความเป็นไทยขนาดไหนนะ
ทักทายพูดคุยกับเกตุวดี ได้ที่ >>> เกตุวดี Marumura
อ่าน Japan Gossip ทั้งหมด CLICK HERE
เรื่องแนะนำ :
– เมื่อถูกล็อตเตอรี่รางวัลใหญ่ในญี่ปุ่น
– เมื่อต้องไปเจอพ่อแม่แฟนญี่ปุ่น
– คนญี่ปุ่นกับ “บ้านนอก”
– เมื่อคนญี่ปุ่นซ่อมถนนเสร็จภายใน 7 วัน …
– การเตรียมตัวตาย …. กระแสใหม่ในญี่ปุ่น