Second Harvest Japan หากใครเคยไปญี่ปุ่นจะพบว่าอาหารที่ถูกผลิตขึ้นในวันนั้นตามร้านสะดวกซื้อและซุปเปอร์มาร์เก็ตต่าง ๆ จะถูกนำมาลดราคาอย่างหนักเพื่อขายให้หมดในวันเดียวกันก่อนจะต้องนำไปโยนทิ้ง ทั้ง ๆ ที่อาหารเหล่านั้นยังไม่เสียและสามารถรับประทานได้อยู่
มีคนกล่าวว่าในปีหนึ่ง ๆ ที่สหรัฐอเมริกามีคนเสียชีวิตจากอาหารเป็นพิษถึง 3,000 คน แต่เป้าหมายของญี่ปุ่นคือต้องมีผู้เสียชีวิตจากอาหารเป็นพิษไม่เกิน 3 คนต่อปี
ดังนั้นหากใครเคยไปญี่ปุ่นจะพบว่าอาหารที่ถูกผลิตขึ้นในวันนั้นตามร้านสะดวกซื้อและซุปเปอร์มาร์เก็ตต่าง ๆ จะถูกนำมาลดราคาอย่างหนักเพื่อขายให้หมดในวันเดียวกันก่อนจะต้องนำไปโยนทิ้ง ทั้ง ๆ ที่อาหารเหล่านั้นยังไม่เสียและสามารถรับประทานได้อยู่ วิธีเดียวกันยังถูกนำไปใช้กับอาหารประเภทอื่น ๆ
ดังนั้นอุตสาหกรรมอาหารญี่ปุ่นจึงต้องทิ้งอาหารจำนวนมหาศาลถึงราว 5-8 ล้านตันต่อปี ซึ่ง 3-4 ล้านตันในจำนวนนั้นถูกทำลายโดยผู้ผลิตอาหารเอง เนื่องจากต้องการรักษามาตรฐานอาหารระดับสูงตามแบบฉบับญี่ปุ่นคือ อาหารต้องสดใหม่ ปลอดภัยและสวยงามไร้ที่ติ
แต่ใครจะรู้ว่าปริมาณอาหารจำนวนมหาศาลที่ถูกทิ้งนั้นขัดแย้งกับจำนวนประชากรที่อดอยากหรือได้รับสารอาหารไม่เพียงพอในประเทศที่เชื่อกันว่ามีถึงประมาณ 20 ล้านคนเลยทีเดียว
องค์กร Second Harvest Japan ที่ทำหน้าที่เป็นธนาคารอาหารจึงได้เกิดขึ้นมาตั้งแต่ปี 2002 เพื่อทำหน้าที่เก็บอาหารจากผู้ผลิตอาหาร ผู้นำเข้าอาหาร ภัตตาคาร ร้านค้าและผู้บริจาคกว่า 600 รายเพื่อนำแจกจ่ายไปยังผู้มีรายได้น้อย เด็กกำพร้า แม่เลี้ยงเดี่ยว บ้านคนพิการ และองค์กรสังคมสงเคราะห์ทั่วญี่ปุ่นตั้งแต่ฮอกไกโดไปจนเกาะคิวชูกว่า 260 องค์กร นอกจากนั้นยังมีการแจกอาหารที่ปรุงเสร็จใหม่ ๆ ทุก ๆ วันเสาร์ที่สวนอุเอะโนะอีกด้วย
Second Harvest Japan ให้ความมั่นใจว่าอาหารที่เก็บมีความปลอดภัยและมีคุณภาพดีพอที่จะรับประทาน อาหารที่บริจาคได้แก่ อาหารกระป๋อง สินค้าเกษตร ข้าวและเมล็ดพืช ขนมปังและเบเกอรี่ อาหารแช่แข็ง เป็นต้น
CEO Mc Jilton ขององค์กร Second Harvest Japan กล่าวว่าโมเดลการรับบริจาคอาหารแบบนี้มีความยั่งยืนเพราะเอื้อประโยชน์กับทั้งฝ่ายผู้บริจาคและผู้รับบริจาค เพราะผู้บริจาคเองก็ไม่ต้องจ่ายเงินในการทิ้งอาหารเหล่านี้ ซึ่งช่วยประหยัดไปได้ถึงหลายร้อยล้านเยนต่อปีโดยการนำมาบริจาคแทน กิจกรรมนี้ยังปลูกฝังจิตสำนึกในการเป็นผู้ให้ในใจพนักงานและยังเป็นการโปรโมทกิจกรรมเพื่อสังคมอีกด้วย ทำให้ผู้บริจาคหลายรายบริจาคเป็นเวลาต่อเนื่องและยาวนาน องค์กรยังสามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายของหน่วยงานอาหารญี่ปุ่นได้ถึง 40% ในการนำส่งอาหารไปยังองค์กรการกุศลต่าง ๆ
ยิ่งไปกว่านั้น อาหารที่ได้จากผู้ผลิตอาหารโดยตรงเป็นของคุณภาพดีและตอบสนองความต้องการมากกว่าการใช้เงินซื้อ เช่น ไอศกรีม ขนมหวาน เครื่องปรุงรสซึ่งโดยมากมีราคาแพงเกินกว่าที่จะนำเงินบริจาคไปซื้อได้และโดยปรกติหน่วยงานบริจาคก็จะไม่ซื้อของเหล่านี้
กิจกรรมของ Second Harvest Japan จะพึ่งพาอาสาสมัครเป็นส่วนใหญ่ ในปี 2014 มีอาสาสมัครในการช่วยส่งอาหารโดยได้อุทิศเวลากว่า 32,000 ชั่วโมงเพื่อที่จะนำส่งอาหารกว่า 1,325,000 มื้อไปยังผู้ด้อยโอกาสทั่วญี่ปุน ในช่วงแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่โทโฮคุ Second Harvest Japan ยังนำอาหารเหล่านี้ไปแจกจ่ายกว่า 25,000 ครอบครัว
ในชนบทมักจะขาดแคลนอาหารกระป๋อง ส่วนในเมืองก็มักจะขาดแคลนข้าวสารและสินค้าการเกษตร องค์กรจึงเปิดรับบริจาคอยู่เสมอ แต่ปัญหาที่ใหญ่กว่านั้น CEO Mc Jilton บอกว่าคือการ “หาคนที่ต้องการความช่วยเหลือไม่เจอ” เพราะคนญี่ปุ่นถือศักดิ์ศรี เกรงใจ กลัวทำให้คนอื่นเดือดร้อนและจะไม่ยอมขอความช่วยเหลือใครเพราะรู้สึกอาย ขนาดยอมอดดีกว่ายอมเอ่ยปากขอคนอื่น
เขาได้ยกตัวอย่าง ในปี 2012 ได้พบร่างไร้ชีวิตของครอบครัวหนึ่งซึ่งมีสมาชิก 3 คนในอพาร์ทเมนท์ที่ไซตามะโดยมีตู้เย็นที่ว่างเปล่า และเชื่อกันว่าครอบครัวนี้ตายเพราะความอดอยากค่ะ
สามารถพูดคุยแสดงความคิดเห็นกับพิชชารัศมิ์ได้ที่ Facebook Page: Life Inspired by พิชชารัศมิ์
ทักทายพูดคุยกับพิชชารัศมิ์ ได้ที่ >>> Life Inspired by พิชชารัศมิ์
เรื่องแนะนำ :
– หลักปฏิบัติ 6 เพื่อการขัดเกลาจิตวิญญาณของดร. คาซุโอะ อินาโมริ เทพแห่งการบริหารญี่ปุ่นที่ยังมีชีวิตอยู่
– อย่ากินทิ้งกินขว้าง อย่าใช้ทิ้งใช้ขว้าง จิตสำนึกดี ๆ ของคนญี่ปุ่นที่น่าเอาเป็นแบบอย่าง
– จัดบ้านให้น่าอยู่ จัดร้านให้น่าเข้า สไตล์ญี่ปุ่น
– การช่วยเหลือคนอื่น เทคนิคพิชิตโรคซึมเศร้า
– จากเกษตรกรโคนมชาวญี่ปุ่นสู่เจ้าของร้านไอศกรีมโฮมเมดหลากรสตามฤดูกาล
– ชายผู้แต่งงานกับตุ๊กตา (ยาง) หมอนและตัวละครในเกม