คนในญี่ปุ่นเริ่มหันมาเป็นนักมวยปล้ำกันมากในช่วงหลัง ๆ แต่ก็มีคำถามสำคัญเกิดขึ้นมาว่า “นักมวยปล้ำสามารถเอาตัวรอด เลี้ยงตัวเองและมีอนาคตจากเรื่องนี้ได้รึเปล่า” ซึ่งในฐานะที่เราทำงานในวงการนี้โดยตรงก็จะตอบคำถามได้ดังนี้ครับ
ตอนนี้วงการมวยปล้ำในภาพรวมของโลกถือว่าเติบโตขึ้นมาก โดยสาเหตุสำคัญเลยคือการเติบโตของโซเชียลมีเดียที่ทำให้โลกของมวยปล้ำนั้นแคบลงมาก มีการติดต่อสื่อสารแลกเปลี่ยนนักมวยปล้ำ ตลอดจนเด็กฝึกกันแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ซึ่งทำให้แฟนมวยปล้ำมีความหลากหลาย ตลอดจนสมาคมมวยปล้ำญี่ปุ่นเองมีทางเลือกในการจัดโชว์เพิ่มขึ้นด้วยนั่นเอง
กล่าวคือสมัยก่อนนั้นวงการมวยปล้ำจะค่อนข้างมีสถานะเป็น local คือเป็นท้องถิ่นและต่างคนก็ต่างจะเข้าไปฝึกที่สมาคมมวยปล้ำท้องถิ่น ไม่ได้มีโอกาสไปไหนไกลๆเพราะไม่รู้จัก และทางสมาคมเองก็อาจจะเล็ก ๆ ไม่มีงบประชาสัมพันธ์ ทำให้สมาคมเติบโตได้ยาก เพราะนักมวยปล้ำไม่พอ แม้ผู้สอนและผู้เรียนจะมีความสามารถมากขนาดไหนก็ตาม แต่ปัจจุบันแค่อัพคลิปลงยูทูป คนทั่วโลกก็ได้เห็น และคนทั่วโลกก็อาจจะสนใจไปฝึกในค่ายต่างจังหวัดมากขึ้น ทำให้สมาคมมีพัฒนาการ และสามารถเติบโตได้อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นในอดีต
ในที่นี้ทำให้มีคนในญี่ปุ่นเริ่มหันมาเป็นนักมวยปล้ำกันมากในช่วงหลัง ๆ แต่ก็มีคำถามสำคัญเกิดขึ้นมาว่า “นักมวยปล้ำสามารถเอาตัวรอด เลี้ยงตัวเองและมีอนาคตจากเรื่องนี้ได้รึเปล่า” ซึ่งในฐานะที่เราทำงานในวงการนี้โดยตรงก็จะตอบคำถามได้ดังนี้ครับ
– ทำไมถึงมาเป็นนักมวยปล้ำ?
ปัจจุบันมีคนที่ไม่เคยรู้จักมวยปล้ำมาก่อน หันมาเป็นนักมวยปล้ำกันเยอะขึ้น นั่นเพราะอะไร? นั่นเพราะผู้คนต้องการหาสถานที่แสดงออก ต้องการเป็น “somebody” ในสังคม ต้องการมีชื่อเสียง และถ้าเราเทียบกับงานชนิดอื่น ๆ กับชื่อเสียงที่มีในตอนเริ่มต้น (คือไม่ดังนั่นแหละว่าง่าย ๆ)
การเป็นไอดอลก็จะมีงานเฉลี่ยเดือนละสองสามครั้ง แต่มวยปล้ำเรามีงานถี่มาก เดือนนึงอาจจะปล้ำถึงสิบครั้งก็ได้ ดังนั้นมองในแง่ของการได้เงินก่อน ไอดอลมีแฟนอยู่แล้ว แต่ว่ามีโอกาสได้เจอกันแค่เดือนละนิดหน่อย ค่าขายตั๋วก็ต้องแบ่งกับทีมอีกพอสมควร แต่มวยปล้ำมีบ่อยกว่ามีโอกาสขายของได้บ่อยกว่า และยังได้แฟน ๆ จากกลุ่มไอดอลมาดูมวยปล้ำ (มาซื้อสินค้าทั้งในฐานะนักมวยปล้ำและไอดอล) และแฟนมวยปล้ำยังตามไปดูตอนเป็นไอดอลอีก คือได้ทั้งขึ้นทั้งร่อง ดังนั้นจึงมีไอดอลหลายคนหันมาฝึกมวยปล้ำมากขึ้น โดยเฉพาะเหล่าไอดอลท้องถิ่นต่าง ๆ และทุกคนก็ประสบความสำเร็จดี เดือนหนึ่งมีงานสัก 15 วัน ก็ถือว่ามีเงินมากพอที่จะอยู่ในโตเกียวได้อย่างสบาย ๆ แล้ว (ยิ่งถ้าดังก็จะได้จ้างไปงานสมาคมอื่น ๆ อีก)
– การใส่ใจแฟนคลับของตนเอง
ปฏิเสธไม่ได้ว่านักมวยปล้ำทั้งชายและหญิงต่างต้องอาศัยการสนับสนุนจากแฟน ๆ ทั้งการซื้อของ ตลอดจนเสียงเชียร์ ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญในการทำให้สมาคมตัดสินใจผลักดันต่อไปหรือจะล้มเลิกความตั้งใจ นักมวยปล้ำแม้จะมีแฟน ก็ต้องบอกกับแฟน ๆ ว่าไม่มีแฟน และห้ามใครเห็นภาพสวีทกับแฟนเด็ดขาด (มีหลาย ๆ คนนะครับที่หลุดภาพถ่ายกับแฟนออกมา แล้วแฟน ๆ เลิกสนับสนุนทันที)
นี่คือสิ่งที่อาจจะยากสำหรับแฟนมวยปล้ำ แต่ถ้าเราได้ใจแฟนเหล่านี้ล่ะ? บอกเลยว่าเราจะอยู่ในวงการได้อย่างสบาย ๆ นักมวยปล้ำหลายคนถึงขนาดจดชื่อแฟน ๆ แต่ละคนไว้เลย พยายามท่อง พยายามเก็บข้อมูลว่าแต่ละคนชื่ออะไร มาจากไหน ชอบอะไร ฯลฯ ถึงเวลาที่มีโอกาสคุยกัน ลองเปรียบเทียบระหว่างนักมวยปล้ำที่ถามว่า “คุณชื่ออะไรนะครับ ขอโทษที” (ทั้ง ๆ ที่เจอกันหลายครั้ง) กับนักมวยปล้ำที่บอกว่า “อ้าวว สวัสดีครับคุณ xxx เป็นไงบ้าง เห็นบ่นในทวิตเตอร์ว่าอยากกินเมล่อนปัง ได้กินยังเนี่ย” ฯลฯ แบบไหนที่เราจะหลงกว่า แบบไหนที่เราอยากจะสนับสนุนกว่า?
นักมวยปล้ำเองก็เช่นกันครับ คนพวกนี้จะซื้อสินค้าทุกอย่าง สนับสนุนทุกอย่าง เรียกว่าทำอะไรออกมาขายก็ขายออก อันนี้ไม่ได้หมายความว่าให้เราดีกับใครเพราะเรื่องเงินนะครับ สุดท้ายแล้วการใส่ใจแฟน ๆ ก็เป็นสิ่งที่ดีในฐานะมืออาชีพคหนึ่ง เราอยากให้คนชื่นชมเรา เราอยากให้คนเคารพเรา ผมว่าเริ่มง่าย ๆ ด้วยการเป็นมืออาชีพเนี่ยแหละ
– ได้เงินเท่าไหร่?
อันนี้จะอ้างอิงค่ายเล็ก ๆ นะครับ เพราะนักมวยปล้ำค่ายใหญ่คงไม่ต้องมีปัญหาอะไรกับการขายของหาเงิน โดยการปล้ำปกติของค่ายเล็ก ๆ นั้น จะได้ค่าจ้างประมาณ 5,000 เยนต่อแมตช์ หรือใหญ่ขึ้นมาหน่อยก็อยู่ประมาณ 8,000 – 15,000 ประมาณนี้ในส่วนของการปล้ำ แต่จะเพิ่มเป็นในแง่ของ “ตั๋วรถไฟ” หรือสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ ในการปล้ำแทน กรณีที่เรามีชื่อเสียงและกลายเป็นส่วนสำคัญของโชว์ ทีนี้นักมวยปล้ำก็จะมีโอกาสได้ขายของ โดยหากเป็นนักมวยปล้ำอิสระ ก็จะได้เงินจากส่วนนั้นเต็ม ๆ แต่หมายความว่าเราต้องหาคนมาทำสินค้าให้เราด้วยตนเอง
แต่ถ้าเป็นนักมวยปล้ำที่มีสังกัด ส่วนใหญ่แล้วสังกัดจะออกแบบให้เรา เราจะแค่พยายามขาย หรือมาถ่ายภาพให้เขาเอาไปออกแบบสินค้านั่นเอง ปกติแล้วจะได้ส่วนแบ่งประมาณ 30 – 40% ของราคาสินค้า ดังนั้นยิ่งขายได้มาก ก็ยิ่งมีเงินมาก มันกลายเป็นแรงผลักดันในการพยายามของนักมวยปล้ำไปโดยปริยาย (อย่างเช่นภาพถ่าย ราคาเต็ม 1,000jpy ก็จะได้ประมาณ 400 เยน) อีเวนท์นึงรวมของขายได้ทั้งหมดก็จะได้ประมาณ 20,000 – 30,000 เยน)
– ของฝากจากแฟน ๆ
นักมวยปล้ำบางคนบอกว่า เวลามีการปล้ำเยอะ ๆ เนี่ย ถ้าไม่ติดหรูอะไร เอาแค่ของฝากจากแฟน ๆ ก็เยอะแล้ว เพราะแฟน ๆ จะเอาขนมมาฝากแทบจะทุกคน คือสมมติร้อยคน อย่างน้อยก็ 80 คนที่จะมีของติดไม้ติดมือ จะเป็นของกินบ้าง ของที่ระลึกบ้าง ฯลฯ และส่วนใหญ่มันก็จะเยอะเกินกว่าจะกินหมดในวันเดียว นักมวยปล้ำก็มักจะแบ่ง ๆ กันไป และปกติแล้วในอีเวนท์มวยปล้ำ ก็จะมีของกินเลี้ยงกันพอสมควรทั้งน้ำ ทั้งอาหาร ดังนั้นเอากลับบ้านไปกินก็ได้เป็นเรื่องปกติ ทั้งนี้อยู่กับการใช้ชีวิตของแต่ละคนล้วน ๆ
– คิดไว้เสมอว่าอาชีพมวยปล้ำสามารถจบลงได้ทุกเมื่อ
นักมวยปล้ำเป็นอาชีพที่ต้องเก็บเงินไว้ให้มากที่สุดและพยายามมองถึงอนาคตของตนเองเสมอ เพราะนักมวยปล้ำเป็นกีฬาที่ต้องปะทะ และเราไม่สามารถรู้เลยว่าวันไหนที่เราจะต้องยุติอาชีพลงเพราะอาการบาดเจ็บที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ดังนั้นนักมวยปล้ำหลายคนจะต้องพยายามเก็บเงิน หรือหาธุรกิจเสริมไว้เอาตัวรอด เช่นการเปิดโรงเรียนสอนมวยปล้ำ การเปิดร้านอาหาร หรืออย่างน้อยก็หางานเสริมเพื่อให้มีเงินเก็บในบัญชีเยอะ ๆ บางคนถึงขนาดว่าพอได้งานที่มั่นคงแล้วก็เลิกเป็นนักมวยปล้ำเลย หรือบางคนโชคดีหน่อยได้แต่งงานกับคนที่ดูดีมีอนาคต ก็เลิกเป็นนักมวยปล้ำเช่นเดียวกัน
ตอนนี้ต้องบอกเลยว่าวันใดวันหนึ่งหากเราเป็นนักมวยปล้ำไปจนถึงจุดที่ว่าอยากจะเติบโตมากกว่านี้ เราก็ต้องหาช่องทางต่อยอดในอีกเส้นทาง เพราะวงการมวยปล้ำนั้น อาจทำเพียงให้เราเอาตัวรอดได้ในชีวิตไป แต่คงไม่ได้ทำให้เราเป็นมหาเศรษฐีที่มีเงินถุงเงินถัง นอกจากเราจะมีโอกาสได้ทำงานในค่ายใหญ่ๆ หรือบางคนอาจจะมีความสุขในฐานะนักมวยปล้ำอาชีพ ซึ่งเงินเป็นเรื่องรอง นี่ก็เป็นอีกแนวคิดหนึ่งซึ่งแล้วแต่บุคคลไปเช่นกัน
สรุปแล้ววงการมวยปล้ำเติบโตขึ้นมาก แต่ในขณะเดียวกันมันอาจมีคำถามเกิดขึ้นมากมายจริงๆว่ามันจะเลี้ยงดูชีวิตได้ไหม สำหรับผมแล้ว ผมมองว่ามวยปล้ำคือสิ่งที่ต้องมองในเรื่องของ “passion” ควบคู่ไปด้วย เพราะมวยปล้ำเป็นสิ่งที่ต้องฝึกฝนและอาศัยความเชื่อมั่น เราได้เป็นในสิ่งที่ฝัน ในสิ่งที่อยาก ซึ่งรู้แต่แรกแล้วว่ามันอาจรองรับความเป็นชีวิตอย่างสมบูรณ์ไม่ได้ เราโอเคกับตรงนี้จริง ๆ รึเปล่า เราพร้อมจะเข้าไปสู่โลกของสิ่งเหล่านี้รึเปล่า หากว่าได้เรื่องเงินของวงการมวยปล้ำก็จะไม่ใช่ปัญหาใดใดเลย กลับกันมันมีมากพอที่จะเติบเต็มความสุขและความฝันของคุณไปในทุก ๆ วันอย่างแน่นอน
พบกันใหม่สัปดาห์หน้า สวัสดีครับ
เรื่องแนะนำ :
– Ichigaya Memorial Clinic สังเวียนมวยปล้ำที่เล็กที่สุดในโลก
– “กรรมการมวยปล้ำ” ผู้ปิดทองหลังพระที่แท้จริง
– ความน่ารักของอามาโนะ อากิ และสิ่งที่เรียนรู้ได้จากอามะจัง
– (18+) มวยปล้ำแบบ Ultra Violence เมื่อการหลั่งเลือดคือความสุขของเรา
– เป็นนักมวยปล้ำญี่ปุ่นต้องทำอะไรบ้าง?