คุณ Yokoishi ได้พยายามนำเสนอไอเดียการทำธุรกิจขายใบไม้กับชาวเมือง Kamikatsu แต่ชาวบ้านต่างก็ไม่เชื่อว่าจะสามารถทำรายได้จากการขายใบไม้ได้ “ใครจะจ่ายเงินซื้อใบไม้” พวกเขาคิดและมันเป็นเรื่องของศักดิ์ศรี พวกเขาเชื่อกันว่าใบไม้เป็นของถูก ๆ และสำหรับคนจน ๆ “เราไม่ได้สิ้นหวังขนาดต้องขายใบไม้ประทังชีพ”
สวัสดีค่ะคุณผู้อ่าน ดิฉันคิดว่าคุณผู้อ่านคงจะเคยเห็นอาหารญี่ปุ่นที่ถูกประดับประดาอย่างสวยงามด้วยใบไม้ชนิดต่าง ๆ คุณผู้อ่านทราบไหมคะว่าใบไม้เหล่านั้นนอกจากจะสร้างมูลค่าสูงทางตัวเงินให้กับนักเก็บใบไม้ทั้งหลายแล้วยังมีมูลค่ามากทางจิตใจด้วย
เรื่องที่ดิฉันจะเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องที่ดิฉันอ่านและรู้สึกประทับใจมากเพราะมันสื่อได้อย่างชัดเจนว่า “ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น” และ “เหตุผลในการมีชีวิตอยู่คืออะไร”
Kamikatsu เป็นเมืองเล็ก ๆ ที่ขายใบไม้ไปทั่วประเทศญี่ปุ่น เมือง Kamikatsu เป็นเมืองเล็ก ๆ ที่แวดล้อมด้วยภูเขาในจังหวัด Tokushima ประชากรเกินครึ่งของเมืองนี้เป็นผู้สูงอายุและประกอบกิจการขายใบไม้ตกแต่งอาหารญี่ปุ่นมีรายได้เป็นกอบเป็นกำ
โครงการขายใบไม้นี้ถูกริเริ่มโดยคุณ Tomoji Yokoishi ซึ่งเป็นชาว Tokushima โดยกำเนิด เขาเรียนจบด้านการเกษตรและทำงานที่สหกรณ์การเกษตรในเมือง Kamikatsu
ในช่วงที่เขาเข้าทำงานใหม่ ๆ เป็นช่วงที่ทั้งนายกเทศมนตรีและผู้นำชุมชนต่างกุมขมับกับปัญหาของเมืองนี้เพราะประชากรลดลงเรื่อย ๆ ประชากรส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ การปลูกส้มแมนดารินซึ่งเป็นอาชีพหลักก็ดูเหมือนจะแย่ลงทุกวัน ๆ เพราะสวนส่วนใหญ่ขาดทุนย่อยยับจากลมหนาวรุนแรง
ไอเดียการทำธุรกิจขายใบไม้เกิดขึ้นในปี 1986 ในระหว่างที่คุณ Yokoishi กำลังรับประทานอาหารที่ร้านซูชิแห่งหนึ่งในโอซาก้า สายตาเขาได้เหลือบไปเห็นหญิงสาวคนหนึ่งที่ดูจะประทับใจในความสวยงามของใบเมเปิ้ลที่ประดับอยู่ในจานซูชิซะเหลือเกิน จนเธอคนนั้นต้องเอาผ้าเช็ดหน้าห่อใบไม้และนำกลับบ้านไปเป็นที่ระลึก
ภาพ ๆ นั้นได้เปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาล เขาคิดในใจว่า “ใบไม้เป็นอะไรที่หาได้จากสวนหลังบ้านที่ดูไม่มีคุณค่าอะไรเลย แต่ถ้ามีคนเห็นความงามในใบไม้นั้น ก็น่าจะทำธุรกิจจากใบไม้ได้”
เขาเริ่มเห็นความหวังอยู่ปลายทางเพราะใบไม้เป็นสิ่งที่หาง่ายในเมือง Kamikatsu นอกจากนั้นผู้สูงอายุในเมือง Kamikatsu ก็จะมีรายได้ด้วยซึ่งเป็นการใช้เวลาให้เป็นประโยชน์มากกว่ากิจกรรมที่ทำกันส่วนใหญ่คือการนินทาเกี่ยวกับแม่ผัวลูกสะใภ้ไปวัน ๆ
เริ่มต้นจากศูนย์
แต่ความสำเร็จก็ไม่ได้มาง่าย ๆ เพราะหลังจากที่มีไอเดียการขายใบไม้แล้ว คุณ Yokoishi ก็ได้พยายามนำเสนอไอเดียการทำธุรกิจขายใบไม้กับชาวเมือง Kamikatsu แต่ชาวบ้านต่างก็ไม่เชื่อว่าจะสามารถทำรายได้จากการขายใบไม้ได้
“ใครจะจ่ายเงินซื้อใบไม้” พวกเขาคิดและมันเป็นเรื่องของศักดิ์ศรี พวกเขาเชื่อกันว่าใบไม้เป็นของถูก ๆ และสำหรับคนจน ๆ
“เราไม่ได้สิ้นหวังขนาดต้องขายใบไม้ประทังชีพ”
สุดท้ายมีชาวบ้านผู้หญิงเพียงสี่คนที่ตอบตกลงที่จะขายใบไม้ที่ใช้ในการจัดดอกไม้แบบญี่ปุ่นแต่ก็ขายไม่ดีเท่าไร ในตอนแรกราคาที่ขายนั้นต่ำมากเพียง 5-10 เยนต่อหนึ่งห่อ เพราะชาวบ้านไม่รู้วิธีบรรจุห่อใบไม้ให้สวยงามและไม่รู้ว่าใบไม้จะถูกนำไปขายเพื่อใช้ในร้านอาหารได้อย่างไร
ความพยายามอย่างไม่ย่อท้อจนประสบผลสำเร็จ
ในตอนเริ่มกิจการในปี 1986 คุณ Yokoishi ไม่รู้ว่าใบไม้เหล่านี้จะถูกนำไปใช้ในร้านอาหารใหญ่ ๆ กันอย่างไรและแบบไหน แต่เขาไม่ลดละที่จะหาคำตอบ เขาได้ใช้เวลากว่า 2 ปีเดินทางไปรับประทานอาหารตามร้านหรู ๆ ทั่วประเทศญี่ปุ่น โดยยอมควักกระเป๋าตัวเองจ่ายค่าอาหารที่แสนแพงครั้งแล้วครั้งเล่าจนเกือบหมดตัว
จุดมุ่งหมายก็เพื่อตระเวนถามพ่อครัวในร้านใหญ่ ๆ เกี่ยวกับใบไม้ที่ใช้ประดับอาหาร พ่อครัวส่วนใหญ่ปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลเพราะกลัวโดนขโมยสูตรอาหาร คุณ Yokoishi เลยแอบเข้าไปดูในครัว บางครั้งโดนด่า เอามีดไล่เฉาะหัว หรือถูกน้ำสาดก็ยังเคย
จนกระทั่งมีพ่อครัวคนหนึ่งให้ความช่วยเหลือและได้ให้ข้อมูลที่สำคัญว่าเทศกาลไหนที่ใบไม้แบบใดมีความหมาย เช่น ใบ Yuzuriha เป็นสัญลักษณ์ของการเกิดใหม่จะใช้ประดับอาหารช่วงปีใหม่ เขายังเรียนรู้ว่าใบไม้ที่นำมาใช้ไม่ควรจะมีรอยด่างใด ๆ และควรจะบรรจุด้วยใบขนาดเท่า ๆ กัน
เขาไม่หยุดแต่เพียงแค่นั้นเพราะเขาได้เดินทางไปพบตัวแทนขายส่งทั่วประเทศเพื่อเสนอขายใบไม้ของเขา ต่อมาร้านขายส่งก็เริ่มได้ออร์เดอร์จากร้านอาหาร
ยอดขายในปีแรกเพียง 1.17 ล้านเยนเพิ่มเป็น 21.61 ล้านเยนในปี 1988 และมากกว่า 260 ล้านเยนในปัจจุบัน สินค้าที่ขายดีก็ได้แก่ ใบนันเตง (Nandina)
ใบเมเปิ้ลและใบไผ่
เมื่อเริ่มขายดีขึ้นเรื่อย ๆ ชาวบ้านก็เริ่มสนใจจะเข้าร่วมโครงการมากขึ้น ในช่วงแรกเขาส่งออร์เดอร์ให้ชาวบ้านโดยแฟกซ์และในบางครั้งเขายังเขียนข้อความ
ให้กำลังใจไปกับออร์เดอร์นั้นด้วย
กำลังใจมากมายจากชาวบ้าน
คุณ Yokoishi เล่าว่าในปี 1996 เขามีความสุขที่ได้ช่วยเหลือชาวบ้านและคิดจะไปจากเมืองนี้เพื่อไปตั้งบริษัทเองเพราะเป็นความฝันตั้งแต่เด็ก เขาได้เตรียมตัวที่จะออกจากเมืองแล้ว
แต่แล้วคุณป้าคนหนึ่งชื่อว่าคุณ Mikie ได้ตระเวนรอบหมู่บ้านของเกษตรกรที่ทำโครงการปลูกใบไม้เกือบ 200 คนเพื่อล่ารายชื่อในคำร้องให้คุณ Yokoishi อยู่ในเมืองนี้ต่อ และกระดาษคำร้องแผ่นนี้ก็มีความหมายกับคุณ Yokoishi มาก
คุณป้า Mikie ถามเขาว่าเขาจะเอาใบคำร้องนี้ไปทำอะไร คุณ Yokoishi ตอบไปว่า “ผมจะนอนบนคำร้องแผ่นนี้” และเขาก็ทำจริงๆ ต่อมาคุณ Yokoishi บอกว่าเขาจะต้องคุยกับภรรยาก่อนและได้เข้าไปในรถเพื่อเตรียมตัวไป คุณป้า Mikie ก็ได้มายืนขวางหน้ารถของเขาไว้ และบอกว่าถ้าคุณ Yokoishi ไม่อยู่เมืองนี้ก็ไม่มีประโยชน์ที่เธอจะอยู่ต่อไป
บริษัท Irodori เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้สูงอายุในเมือง
คุณ Yokoishi ได้ตัดสินใจทำกิจการขายใบไม้ต่อและได้จดทะเบียนบริษัท Irodori ในปี 1999 ในปัจจุบันมีชาวบ้านเข้าร่วมโครงการประมาณ 195 คน โดยมีใบไม้ที่ปลูกจาก 200 สวน มีผลิตภัณฑ์ทั้งหมด 320 รายการ อายุเฉลี่ยของเกษตรกรที่เข้าร่วมคือ 70 ปี และส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง!
ชาวบ้านมีความได้เปรียบอยู่แล้วเพราะรู้จักพื้นที่ของตัวเองเป็นอย่างดี รู้ว่าลมพัดทางไหน และควรจะปลูกอะไรเมื่อไรอย่างไร รายได้เฉลี่ยของนักปลูกใบไม้เหล่านี้อยู่ที่คนละประมาณ 1.5 ล้านเยนต่อปีบางคนมีรายได้มากถึง 10 ล้านเยนต่อปี ซึ่งถือว่าสูงมากในชนบทแบบนี้
ชาวบ้านบอกว่าใบไม้มีน้ำหนักเบาและง่ายต่อการเก็บเมื่อเทียบกับส้มแมนดารินที่เคยปลูก การเก็บใบไม้ยังทำให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีและมีเวลาดูแลครอบครัว คุณ Takehiro Toyota ผู้เข้าร่วมโครงการกล่าวว่า “สิ่งสำคัญของการเป็นมนุษย์ก็คือการได้มีบทบาทในสังคม รู้สึกมีความสุขที่ได้ใช้ชีวิตอยู่อย่างมีคุณค่าโดยเฉพาะในสังคมผู้สูงอายุแบบญี่ปุ่น”
คุณ Yukiko Nishikage อายุ 75 ปีกล่าวว่า “ฉันได้เข้าร่วมโครงการนี้ตั้งแต่ 18 ปีก่อน ธุรกิจนี้เป็นแหล่งพลังงานชีวิตที่ดีของฉัน ฉันอยากจะทำงานไปจนอายุร้อยปี”
Kamikatsu มีประชากรสูงอายุอยู่ถึงครึ่งหนึ่งของประชากรทั้งหมด แต่กลับมีเพียง 8% หรือเพียง 14 คนจากทั้งหมดในจำนวนนี้ที่เป็นผู้สูงอายุที่ต้องการการดูแล และยังมีรายจ่ายค่ารักษาพยาบาลต่ำมาก ๆ เมื่อเทียบกับเมืองอื่น
เห็นได้ชัดว่าการรู้สึกว่าตัวเองมีค่านั้นทำให้ผู้สูงอายุทุกคนมีสุขภาพกายและใจที่แข็งแรง ธุรกิจนี้ยังทำให้คนรุ่นใหม่หวนกลับสู่บ้านเกิด ใช้เทคโนโลยีในการบริหารงานและการปรับปรุงคุณภาพสินค้าอยู่เสมอ
คุณ Yokoishi ปัจจุบันอายุ 60 กว่า ยังแนะนำผู้สูงอายุให้ใช้แท็บเล็ตคอมพิวเตอร์ในการรับออเดอร์และใช้ระบบ POS ชาวบ้านจึงสามารถคำนวณยอดขาย ควบคุมปริมาณสินค้าในสต็อก เปรียบเทียบยอดขายกับปีก่อน และประมาณการปลูกล่วงหน้าได้เป็นอย่างดี
นอกจากนั้นเขายังพาเกษตรกรที่ปลูกใบไม้เหล่านี้แต่งตัวสวยงามเพื่อลองไปรับประทานอาหารในร้านที่ซื้อใบไม้จากพวกเขา โดยเขาคิดว่าหากเกษตรกรเหล่านั้นรู้ว่าใบไม้ที่เขาขายถูกนำมาใช้อย่างไรก็จะยิ่งเป็นการเพิ่มแรงผลักดัน
อีกจุดประสงค์คือถึงแม้ว่าจะเป็นเกษตรกรก็ควรจะมีรสนิยมเหมือนชาวเมืองเพื่อที่จะปลูกใบไม้ที่เหมาะสมกับผู้บริโภคมากที่สุด
มีคนมากกว่า 4,000 คนจากกว่า 37 ประเทศทั่วโลกหลั่งไหลเข้ามาเรียนรู้งานที่เมืองเล็ก ๆ แห่งนี้ที่มีประชากรเพียง 2,000 คนในแต่ละปี บริษัท Irodori ยังเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ ๆ ได้มาฝึกงาน เพราะเขาเชื่อว่าผู้สูงอายุสามารถเรียนรู้จากคนหนุ่มสาว และคนหนุ่มสาวก็เรียนรู้จากประสบการณ์ของเกษตรกรผู้สูงอายุได้เช่นกัน คุณ
Yokoishi กล่าวว่าสิ่งสำคัญที่สุดของธุรกิจขายใบไม้ก็คือ ทำให้ชาวบ้านทุกคน “มีเหตุผลที่จะตื่นนอนในตอนเช้า” แน่นอนว่านักเก็บใบไม้เหล่านี้เชื่อว่า “พวกเขาไม่ได้แค่ผลิตใบไม้ขาย แต่เขายังทำหน้าที่ให้ความสุข ความพึงพอใจแก่ผู้บริโภค”
ขอบคุณรูปภาพ : http://powerscourtgardenpavilion.com/blog/nandina-domestica-the-sacred-heavenly-bamboo
เรื่องแนะนำ :
– Ikigai เหตุผลของการมีชีวิตอยู่ของคุณคืออะไรคะ
– กัมบัตเตะเนะ เพราะความสำเร็จไม่มีทางลัด
– ญี่ปุ่นเพิ่งมาไทย เขาเซอร์ไพรส์อะไรกัน
– เซะ-บุน-อี-เระ-บุน (7-11) ที่ญี่ปุ่น ความเหมือนที่ต่างจากที่ไทย
– โอกาสดี ๆ ของคนพิการในที่ทำงานญี่ปุ่น
– ชาวญี่ปุ่นผู้ตั้งบริษัท Cocowell Corp เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของชาวสวนมะพร้าวฟิลิปปินส์
#ขายใบไม้