วันนี้จะพาไปสอดส่องปัญหาการกลั่นแกล้งผ่านละครญี่ปุ่นว่าเป็นอย่างไร เกิดขึ้นในสังคมไหนกับใครได้บ้าง และละครญี่ปุ่นสามารถเข้าไปช่วยเหลือปัญนี้ได้อย่างไร ตามมาอ่านกันได้เลยค่ะ
เราคงเคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับปัญหาการกลั่นแกล้งกันในสังคมญี่ปุ่น โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กนักเรียนกันใช่ไหมคะ ซึ่งปัญหาที่ว่านี้ก็ได้ถูกถ่ายทอดผ่านละครญี่ปุ่นหลายเรื่องเช่นกันค่ะ เพื่อให้คนในสังคมได้ตระหนักถึงปัญหา และพอดูละครญี่ปุ่นก็พบว่า ปัญหาการกลั่นแกล้งมีอยู่ในหลายสังคมค่ะ ไม่ได้มีแค่ในกลุ่มเด็กวัยรุ่นอย่างเดียว วันนี้เลยจะพาไปสอดส่องปัญหาการกลั่นแกล้งผ่านละครญี่ปุ่นว่าเป็นอย่างไร เกิดขึ้นในสังคมไหนกับใครได้บ้าง และละครญี่ปุ่นสามารถเข้าไปช่วยเหลือปัญนี้ได้อย่างไร ตามมาอ่านกันได้เลยค่ะ
หากเราดูละครญี่ปุ่น เราจะพบเจอปัญหาการกลั่นแกล้งกันในสังคมต่างๆ ดังต่อไปนี้ค่ะ
1. การกลั่นแกล้งกันในกลุ่มเด็กนักเรียน
การกลั่นแกล้งกันในกลุ่มนี้เป็นเรื่องราวที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในละครญี่ปุ่นค่ะ ละครที่นำเสนอเรื่องนี้ออกมาอย่างจริงๆ จังๆ ที่น่าสนใจเลยก็เช่นเรื่อง LIFE ค่ะ เรื่องราวของ “อายูมุ” ชีวิตเด็กนักเรียนสาวคนหนึ่ง ที่จู่ๆ ก็ต้องเข้าสู่วังวนการถูกกลั่นแกล้ง สาเหตุก็เกิดจาก “มินามิ” เพื่อนสนิทของเธอดันเข้าใจผิดว่า อายูมุไปแย่งแฟน แต่หารู้ไม่ว่า แฟนหนุ่มที่หลงใหลนั้น จริงๆ เป็นอีตาโรคจิตค่ะ ชอบถ่ายรูปโป๊และจับผู้หญิงมาทรมาน และอายูมุก็เป็นหนึ่งในนั้น นอกจากอายูมุจะถูกโรคจิตคนนี้ค่อยทำร้ายต่างๆ นานา ยังจะต้องมาต่อสู้กับการกลั่นแกล้งของเพื่อนๆ ในห้องอีก
ในเรื่องนี้ก็จะเห็นการกลั่นแกล้งในรูปแบบต่างๆ ที่บางอย่างเราก็คาดไม่ถึงค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการเขียนคำด่าทอลงบนโต๊ะ หรือโยนโต๊ะ เก้าอี้ออกมาจากหน้าต่างห้องเรียน ลากเข้าไปในห้องน้ำ แล้วราดน้ำใส่ หนักเข้าถึงขั้นทำร้ายกันถึงชีวิตเลยก็มีค่ะ
เจอเยอะขนาดนี้ ทำไมไม่ขอความช่วยเหลือจากพ่อแม่ หรือครูอาจารย์ เหตุผลก็คือ เด็กอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่อาจบอกใครได้ค่ะ เพราะถ้าบอกไปแล้ว ปัญหาไม่ได้ถูกจัดการให้จบจริงๆ ก็เหมือนเป็นช่องทางให้เพื่อนหันกลับมาทำร้ายหนักกว่าเดิม แล้วทีนี้เพื่อนคนอื่นๆ ในห้องล่ะ ทำไมไม่เข้าไปช่วยเพื่อน ประเด็นนี้มันก็เป็นเรื่องของพฤติกรรมหมู่ค่ะ พอสังคมเดินไปในทิศทางไหน ทุกคนต้องปรับตัวให้เดินไปตามทางนั้น เพื่อป้องกันตัวเองไม่ให้ถูกรังแก! ฉะนั้นแล้ว ไม่ว่าจะหันไปทางไหน เด็กที่ถูกแกล้งก็ไม่สามารถขอความช่วยเหลือจากใครได้เลย นอกเสียจากว่าจะมีเพื่อนแท้สักคนกล้าเสี่ยงที่จะปกป้องเพื่อนที่รัก และความกล้าหาญของเราเองที่จะต่อสู้กับปัญหานี้ เพื่อมีชีวิตอยู่ต่อไปให้ได้! แต่ลองคิดอีกแง่สิคะ ถ้าเรื่องนี้ไปเกิดกับเด็กที่ไม่เข้มแข็งพอ จะเกิดอะไรขึ้นมา ร้ายแรงที่สุดก็คือ นำไปสู่การฆ่าตัวตายค่ะ
2. การกลั่นแกล้งกันในสังคมการทำงาน
อย่าคิดว่าการกลั่นแกล้งกันจะมีแค่ในสังคมเด็กๆ นะคะ ในสังคมผู้ใหญ่ก็มีเช่นกันค่ะ ใครว่าเรียนจบออกมาโดยผ่านพ้นการกลั่นแกล้งไปได้แล้วจะรอด คุณยังต้องมาเสี่ยงดวงในชีวิตการทำงานอีกค่ะ ว่าจะต้องเจอใครมาทำร้าย กลั่นแกล้งหรือเปล่า ซึ่งรูปแบบการกลั่นแกล้งมันก็จะเป็นอีกแนวหนึ่งของสังคมนักเรียนค่ะ จะออกแนวเล่นงานนิ่งๆ แต่แสบถึงทรวง ชนิดที่ว่าใครไม่สตรองก็ต้องลาออกไปค่ะ ละครแนวๆ นี้ก็เห็นได้จากเรื่อง First Class ค่ะ เนื้อเรื่องกว้างๆ ก็จะเล่าถึงชีวิตการทำงานของบรรณาธิการนิตยสารใช่ไหมคะ แต่แก่นแท้อีกอย่างหนึ่งที่ซ่อนอยู่ในเรื่องนี้ก็คือ “ปัญหาการกลั่นแกล้ง” นี่แหละค่ะ เปิดเรื่องมา นางเอกของเราได้รับโอกาสให้เข้าไปทำงานในนิตยสาร First Class นางเข้ามาทดลองงานก่อน ถ้าคุณสมบัติผ่านก็จะให้ทำงานต่อไป ถ้าไม่ผ่านก็ต้องออกไปตามระเบียบ แต่ด้วยวิธีการเข้ามาที่ไม่ชอบมาพากล เลยทำให้เพื่อนๆ ในที่ทำงานรู้สึกไม่ชอบขี้หน้า และมุ่งเป้าจะกลั่นแกล้งเธอให้ทนไม่ได้จนต้องลาออกไปเอง วิธีการแกล้งในเรื่องนี้ เราก็จะเห็นว่า คนรอบตัวเนี่ยต่อหน้าก็จะเหมือนคนดีๆ จิตใจเมตตา แต่ลับหลังนี่คนละอย่างเลย ต่อหน้าฉันยิ้มก็จริง แต่ลับหลังฉันด่าแกอยู่นะยะ! คอยกลั่นแกล้งกันต่างนานาไม่ว่าจะเป็นขโมยไอเดียโปรเจ็กต์ วางแผนไม่ให้เพื่อนร่วมงานทำงานได้สำเร็จ แอบย่องไปลบไฟล์งานที่คอมพ์ก็มี! ทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะเลื่อยขาเก้าอี้ของเพื่อนให้หักลง ไม่ยอมให้ใครได้หน้าไปกว่าตัวเอง และที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ทุกคนในออฟฟิศรู้ค่ะว่า มีการกลั่นแกล้งเกิดขึ้นในออฟฟิศ รวมถึง “หัวหน้า” เองก็รู้ แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ อาจเป็นเพราะว่ายังไม่มีหลักฐานแบบชัดๆ รวมถึงไม่ได้อยู่ในวัยที่ต้องมาสั่งสอนเหมือนเด็กๆ และถ้าเข้าไปยุ่งมาก แต่มีหลักฐานไม่เคลียร์ก็จะกลายเป็นลำเอียงไปอีก ฉะนั้น ทางที่เหลืออยู่ก็คือหันหน้าเข้าสู่ความจริง รักษาชีวิตตัวเอง และสู้กันแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน!
นอกจากนี้ ก็ยังมีละครญี่ปุ่นที่สะท้อนถึงปัญหาการกลั่นแกล้งและล่วงละเมิดในสังคมการทำงานของญี่ปุ่นแบบจัดเต็มด้วยค่ะ นั่นก็คือเรื่อง Age Harassment จะเป็นเรื่องที่เล่าถึงการละเมิดทางอายุและทางเพศที่เกิดขึ้นในกลุ่มพนักงานผู้หญิงญี่ปุ่นค่ะ นางเอกของเรื่องต้องเจอกับเรื่องพวกนี้ในบริษัททุกวี่ทุกวัน พวกพนักงานผู้ชายก็จะชอบ และเข้าข้างพนักงานผู้หญิงสาวๆ สวยๆ และจากปัญหาการล่วงละเมิดนี้ ก่อให้เกิดความอิจฉาริษยากันในกลุ่มพนักงานหญิง จนนำไปสู่การกลั่นแกล้งในที่สุดค่ะ แต่ถึงอย่างนั้น คนในบริษัทกลับมองว่า ก็มันเป็นเรื่องปกติ เป็นสีสันให้กับการทำงาน แต่คนที่ถูกกลั่นแกล้ง และถูกล่วงละเมิดไม่ได้สนุกไปกับสิ่งที่เกิดขึ้นเลยจริงๆ
3. การกลั่นแกล้งกันระดับสังคมแม่บ้าน
ปัญหาการกลั่นแกล้งกัน มันใกล้ตัวเรากว่าที่คิดค่ะ แม้แต่ในบริเวณรอบๆ บ้านของเราก็สามารถเกิดเรื่องพวกนี้ได้ ปัญหานี้เกิดขึ้นในสังคมแม่บ้านได้ด้วยเช่นกัน อยู่กับบ้านกับช่องแท้ๆ ก็ยังไม่วายที่จะต้องเจอปัญหานี้ ก็เพราะว่าเหล่าแม่บ้านเองเขาก็จะมีสังคม กลุ่มสมาคมของเขาด้วยค่ะ ละครที่ถ่ายทอดปัญหานี้ก็เช่นเรื่อง Freeter Ie wo Kau
เป็นเรื่องราวของ “เซจิ” หนุ่ม Freeter คนหนึ่ง ที่ใช้ชีวิตไปอย่างล่องลอย ไม่มีงานประจำทำ รับทำแต่งานพาร์ทไทม์ประทังชีวิตไปวันๆ แต่แล้ววันหนึ่งชีวิตเขาก็ต้องพลิกผัน เมื่อค่ำคืนวันหนึ่ง เห็นแม่ตัวเองนั่งจมอยู่กับความมืดพร้อมบ่นพึมพำออกมาว่า “ขอโทษที่ฉันไม่ได้ตายในวันนี้”! หลังจากวันนั้น เขาก็ได้พบความจริงว่า แม่ของเขาป่วยเป็นโรคซึมเศร้าค่ะ สาเหตุก็คือถูกป้าข้างบ้านกลั่นแกล้งมาเป็นระยะเวลานานหลายปี จนป่วย ซึ่งวิธีการกลั่นแกล้งที่เจอก็เช่น เอาถุงขยะที่นำไปทิ้งแล้ว ส่งคืนมาวางไว้หน้าบ้านตามเดิม ทั้งๆ ที่แม่ของเซจิก็แยกขยะไปอย่างถูกต้องแล้ว
ยังไม่หมดเท่านี้นะคะ คุณป้าข้างบ้านคนนี้ยังแอบสั่งราเมงมาที่บ้านแม่เซจิเยอะๆ ทำให้ต้องแม่เซจิต้องจ่ายเงินไปเอง ทั้งๆ ที่ไม่ได้สั่ง แต่คุณลูกสาวไหวตัวทันเลยแกล้งบอกป้าข้างบ้านไปว่า “แปลกจังเลยคะ จู่ๆ ก็มีราเมงมาส่งที่บ้านเยอะแยะ แต่โชคดีนะคะ ที่เขาไม่คิดตังค์พวกเราเลยสักเยน”
หนทางเดียวที่จะแก้ไขปัญหานี้ได้ก็คือ “ต้องย้ายบ้าน” เลยทำให้เซจิต้องปรับเปลี่ยนชีวิตตัวเอง หางานประจำทำให้ได้ พร้อมกับขยันทำงานพาร์ทไทม์ เพื่อเก็บเงินไปซื้อบ้านใหม่ให้แม่ค่ะ
แก้ไขปัญหาการกลั่นแกล้งผ่านละครญี่ปุ่น
จากละครญี่ปุ่นหลายๆ เรื่อง เราก็จะเห็นปัญหาการกลั่นแกล้งใหญ่ๆ อยู่ 3 กลุ่ม ซึ่งก็การันตีไม่ได้ว่า แต่ละเรื่องมันได้เกิดขึ้นจริงๆ ในสังคมหรือเปล่า (ต้องอย่าลืมว่าละครเป็นเรื่องราวที่แต่งขึ้น) แต่การนำเสนอละครแนวนี้ อย่างน้อยก็เหมือนเป็นการบอก เตือนอะไรบางอย่าง และทำให้เราตระหนึกถึงปัญหานี้ สร้างจิตสำนึกให้คนเราไม่หันไปรังแกกัน หรือถ้าหากมันเกิดขึ้นจริง จะได้หาทางสอดส่อง และแก้ไขได้ทันท่วงที ซึ่งละครญี่ปุ่นหลายๆ เรื่องก็จะสอดแทรกวิธีการแก้ปัญหาไปด้วยค่ะ
อย่างเช่นเรื่อง Kasuka na Kanojo เรื่องนี้ก็เล่าถึงปัญหาการกลั่นแกล้งในโรงเรียน และทำให้เราได้ค้นพบถึงสาเหตุการกลั่นแกล้งอีกอย่างด้วยว่า เด็กบางคนก็แกล้งคนอื่น เพราะเคยถูกแกล้งมาก่อน! และสาเหตุที่ว่า ทำไมเด็กที่ถูกแกล้งถึงเลือกที่จะฆ่าตัวตาย เหตุผลไม่ใช่แค่เพราะทนกับชีวิตไม่ไหว แต่มีจุดประสงค์อีกอย่างก็คือ ตายไป เพื่อให้คนที่เหลืออยู่รู้สึกผิดต่อตราบาปที่ทำให้ใครสักคนต้องตายไป แต่ละครเรื่องนี้ได้นำเสนอความจริงอีกเรื่องที่ว่า “ต่อให้ตายไป ก็ไม่ได้ทำให้ใครรู้สึกผิดขึ้นมาหรอก แม้ว่ามันจะเจ็บปวดหนักหนาสักแค่ไหน มันจะไม่มีความหมายอะไรเลยถ้าเราไม่มีชีวิตอยู่ต่อ”
หรือจะเป็นเรื่อง Kazoku Game เรื่องราวของครูสอนพิเศษลึกลับ ที่เข้ามาปั่นป่วนให้ครอบครัวหนึ่งต้องพบเจอกับความสูญเสียและความเจ็บปวด สาเหตุที่เขาต้องทำแบบนี้ก็เพราะอยากจะสอนให้เห็นว่า สาเหตุหนึ่งที่นำมาสู่การกลั่นแกล้งกันก็คือ มีมนุษย์จำพวกที่ไม่เคยเรียนรู้กับความเจ็บปวดในชีวิต เลยไม่เข้าใจว่า ถ้าไปทำร้ายคนอื่นแล้วเขาจะรู้สึกทรมานอย่างไร
“ผู้ซึ่งไม่เคยได้รับความเจ็บปวดใดๆ เลยในชีวิต
อาจจะก่อให้เขาหันมาทำร้ายผู้อื่นได้อย่างง่ายดาย
เพราะเขาไม่เคยได้เข้าใจถึงความเจ็บปวดในชีวิต…
เขาเลยได้ทุกอย่าง เพื่อให้ตัวเองพอใจ
ถึงแม้ว่าการกระทำนั้นจะเป็นการทำร้ายคนอื่นก็ตาม”
ละครญี่ปุ่นได้นำเสนอให้เราเห็นว่า แท้จริงแล้วนั้น ปัญหาการกลั่นแกล้งกันไม่ได้เกิดขึ้นแค่ในกลุ่มเด็กนักเรียนเท่านั้น แต่มันมีสามารถมีอยู่ได้ทุกที่ในสังคม อย่างที่เรื่อง Legal High ในตอนที่เล่าถึงคดีการกลั่นแกล้งในห้องเรียน ได้กล่าวไว้ว่า
“ไอ้การรังแกกัน มันไม่ได้เกิดขึ้นแค่ในห้องเรียน แต่ยังเกิดขึ้นในห้องพักครู ในบริษัท ในครอบครัว มันมีอยู่ทุกที่ในประเทศนี้ มันบังคับให้เราคอยดูอารมณ์ของคนรอบข้าง บังคับให้เราทำตามๆ เขา ทำตามคนส่วนใหญ่แล้วถูกเสมอ คนที่ไม่เห็นด้วยก็จะถูกกำจัดออกไป ธรรมชาติที่แท้จริงของการรังแกก็คือสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศเรา ที่คนจะเดินไปซ้ายไปขวาตามๆ กัน แม้แต่กฎหมายก็อาจไร้อำนาจไป เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสิ่งนี้ มันเป็นปีศาจใหญ่ที่น่ากลัว กลืนกินได้ทุกสิ่ง. . . แต่มันเป็นไปได้ครับที่จะกำจัดการรังแกกันให้หมดไปจากโลกใบนี้ ขอให้คดีนี้เป็นก้าวแรกกันเถอะ”
บางคนอาจมองว่าปัญหาการกลั่นแกล้งอาจดูเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา ที่ใครๆ ก็คงมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกับคนรอบข้างบ้าง แต่แท้จริงแล้วนั้น มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เลยค่ะ ปัญหานี้ได้ส่งผลกระทบมากมายต่อชีวิตความเป็นอยู่ การกลั่นแกล้งทำให้ชีวิตใครสักคนอยู่อย่างไม่ปกติสุข มีภัยอันตรายรอบตัวจากการถูกทำร้าย บางรายต้องย้ายโรงเรียน ย้ายบ้าน หรือต้องลาออกจากงาน และร้ายแรงที่สุดคือ การฆ่าตัวตายลาจากโลกใบนี้ไป
และหากมองไปรอบๆ ตัว ก็จะพบว่า ปัญหากลั่นแกล้งกันที่ว่ามันไม่ได้มีแค่ในญี่ปุ่นหรอกค่ะ ในสังคมไทยเราก็มีแอบแฝงอยู่เช่นกัน ทั้งในสังคมเด็กนักเรียน สังคมทำงาน สังคมแม่บ้าน คนแตกต่างมักจะถูกล้อเลียน กลั่นแกล้ง หรือการทำร้ายกันผ่านคอมเมนท์ทางโซเชียลที่พบเจอมากในปัจจุบัน
พอมองย้อนไปถึงต้นตอปัญหาการกลั่นแกล้ง ก็มาทั้งจากเรื่องความไม่พอใจส่วนตัว หรือบางทีก็แกล้งกันไปตามธรรมเนียมก็มี! ประมาณว่า อย่างน้อยในห้องนี้มันต้องมีใครสักคนต้องตกเป็นเป้า ใครอ่อนแอ ใครต่างจากเพื่อนต้องเป็นฝ่ายถูกรังแกและถูกกำจัดออกไป บางทีเราก็เผลอทำร้ายกันเพียงเพราะว่า “ไม่ถูกใจ” เรา โดยที่ยังไม่ได้พิจารณาเลยว่าสิ่งนั้น “ถูก” หรือว่า “ผิด” และถ้าเป็นเช่นนี้อีกต่อไป สิ่งที่ถูก คือสิ่งที่ทำตามๆ กันหรือเปล่า? คนเราจะสามารถแยะแยะกันได้อีกหรือไม่ว่า อะไรคือสิ่งที่สมควรทำหรือไม่สมควรทำจริงๆ?
เรื่องการกลั่นแกล้งกันจะเกิดขึ้นในสังคมจริงหรือไม่ คนในสังคมต่างก็รู้คำตอบอยู่ในใจ และวันนี้ “ละครญี่ปุ่น” ก็เป็นสื่ออย่างหนึ่งที่สร้างพลังบางอย่างให้เข้าใจว่าปัญหาการกลั่นแกล้งที่ว่ามันไม่ใช่เรื่องธรรมดาทั่วไป ทำให้คนดูตระหนักเห็นถึงปัญหา เป็นแนวทางสำหรับหาทางป้องกันและแก้ไขต่อไป ก่อนที่ปัญหาที่ว่าจะกลายเป็นเรื่องใหญ่จนสายเกินกว่าจะแก้ได้ อย่างน้อยก็ดีกว่า การเมินเฉย แสร้งทำเป็นว่าทุกอย่างปกติดี ทั้งๆ ที่อาจมีเรื่องอันตรายบางอย่างกำลังก่อตัวเกิดขึ้นในสังคม
เรื่องแนะนำ :
– ละครญี่ปุ่นรักชาติกับความทรงจำสงครามโลกครั้งที่ 2
– พล็อตรักสามเส้าแบบละครญี่ปุ่น
– ไอดอลชายที่แสดงละครญี่ปุ่นแล้วรุ่ง!
– 10 ละครญี่ปุ่นสุดฮาที่ไม่ควรพลาด!
– ความใส่ใจเล็กๆ น้อยๆ ที่ช่วยเพิ่มสีสันให้ละครญี่ปุ่น
ขอขอบคุณรูปภาพและข้อมูล :
http://ameblo.jp/u-dai/
http://wiki.d-addicts.com/
https://loljapan.wordpress.com/category/dramas/serials/2007-2010/completed-2007-2009/freeter-ie-wo-kau/