รถไฟชินคันเซน…จากการเซ็นสัญญาของรัฐบาลไทยกับประเทศญี่ปุ่นที่จะนำเอาเทคโนโลยีรถไฟชินคันเซนมาใช้ในประเทศไทย ปู่กับหลานที่ชื่อป่านพอทราบข่าวนี้จึงได้พูดคุยกันถึงประวัติศาสตร์การสร้างรถไฟชินคันเซนในญี่ปุ่นที่มีมาตั้งแต่สมัยก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2
เล่าโดย : ลุงวสุ www.marumura.com
เครดิตรูปประกอบ : Gabby
(สิ่งที่เขียนข้างล่างนี้เป็น Fiction ที่ได้แรงบันดาลใจจากโลกใบนี้)
ความเดิม: จากการเซ็นสัญญาของรัฐบาลไทยกับประเทศญี่ปุ่นที่จะนำเอาเทคโนโลยีรถไฟชินคันเซนมาใช้ในประเทศไทย ปู่กับหลานที่ชื่อป่านพอทราบข่าวนี้จึงได้พูดคุยกันถึงประวัติศาสตร์การสร้างรถไฟชินคันเซนในญี่ปุ่นที่มีมาตั้งแต่สมัยก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2
(ต่อจากตอนที่แล้ว)
ผ่านไปสิบปี… ณ ปี 2025 การก่อสร้างรถไฟชินคันเซนในไทยก็แล้วเสร็จ พอเวลาหนึ่งเดือนหลังจากการเริ่มเดินรถไฟชินคันเซนให้แก่ประชาชนคนทั่วไป หลานป่านได้จูงคุณปู่มาขึ้นรถไฟชินคันเซนที่จะวิ่งจากกรุงเทพเมืองฟ้าอมรไปยังเชียงใหม่ พอปู่หลานได้เข้ามานั่งในตัวรถไฟแล้ว คุณปู่ก็กล่าวขึ้นมาว่า
ปู่ : ปู่อยากจะร้องไห้หนักมากเลย
ป่าน : ทำไมหล่ะครับ
ปู่ : เพราะรถไฟชินคันเซนของไทยเราสร้างเสร็จตอนปู่ยังมีชีวิตอยู่
ป่าน : (ยิ้ม) ครับปู่
ป่าน : ว่าแต่ปู่ยังเล่าไม่จบเลยว่า หลังจากที่ “โครงการรถไฟหัวกระสุน” ถูกพับไปในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 แล้วเป็นไงต่อ
ปู่ : เออปู่ลืมไปโดยสนิท ว่ากันต่อเลยหล่ะกัน วันนี้ก็วันดี
ปู่ : พอตอนสิ้นสุดสงครามโลก ญี่ปุ่นเขาก็คิดค้นเทคโนโลยีต่างๆ เพื่อเอามาปรับปรุงรถไฟสายธรรมดา (รถไฟรางแคบ: 1067 mm) ให้วิ่งได้เร็วขึ้น อาทิเช่น
– ติดมอเตอร์รถทุกตู้ขบวนเพื่อขับเคลื่อนขบวนรถไฟ
– ใช้ตัวถังรถที่สร้างจากโลหะนำ้หนักเบา
– เปลี่ยนมาใช้ระบบไฟฟ้ากระแสสลับในการจ่ายไฟให้รถไฟเพื่อการส่งกำลังไฟฟ้าให้ได้ถึงระยะทางไกลๆ
ป่าน : การติดมอเตอร์ทุกขบวนรถมันช่วยยังไงหรือครับ
ปู่ : มันช่วยในการลดและเร่งความเร็วของขบวนรถไฟ หากรถไฟจะชลอความเร็วทุกตู้ขบวนก็ชลอพร้อมกัน จะเร่งความเร็วก็เร่งพร้อมกัน ป่านลองคิดสิว่ามันน่าจะตอบสนองเร็วกว่ารถไฟที่มีแต่รถหัวขบวนในการขับเคลื่อนไหม
ป่าน : พอนึกภาพออกครับ
ปู่ : ด้วยเทคโนโลยีเหล่านี้ ทำให้รถไฟสายธรรมดาสามารถวิ่งได้เร็วขึ้นถึง 160 km/h
ปู่ : แต่ว่าหลังจากการฟื้นตัวหลังสงคราม ความต้องการในการขนส่งเริ่มมีมากขึ้นเรื่อยๆ จนเส้นทางคมนาคมของรถไฟสายธรรมดาเริ่มรองรับไม่ไหว จนในปี 1957 จึงมีการพูดคุยเพื่อจะสร้างเส้นทางรถไฟสายใหม่หรือสายชินคันเซนขึ้นมาอีกครั้ง
ป่าน : แล้วเขาไม่คิดจะใช้เครื่องบินหรือทางด่วนรถยนต์กันแทนหรือ
ปู่ : คนบางส่วนก็ไม่เห็นด้วยกับการจะสร้างรถไฟสายใหม่ แต่กลุ่มผู้ที่เชื่อมั่นในระบบรถไฟชินคันเซนนั้นพยายามใช้เหตุผลทางเทคนิคมาอธิบาย และมีการทำแคมเปญเพื่อหาเสียงสนับสนุนในสภาอีกด้วย
ปู่ : การนำเอาเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาใช้ คงไม่ใช่แค่ว่ากันด้วยเหตุผลเพียงอย่างเดียว ยังต้องอาศัยความเป็นผู้นำใน “การผลักดันให้โปรเจคประสบความสำเร็จ”
ป่าน : จริงอย่างที่ว่าการบริหารจัดการมีความสำคัญอยู่มากๆ
ปู่ : ท้ายที่สุดสภาก็รับรองให้มีการสร้างเส้นทางรถไฟสายใหม่ในปี 1957 และอาศัยบุญเก่าจาก “โครงการรถไฟหัวกระสุน” อันได้แก่เส้นทางอุโมงค์รถไฟและที่ดินที่ซื้อทิ้งไว้ ทำให้การก่อสร้างเป็นไปด้วยความราบรื่นจนทำให้สร้างชินคันเซนเสร็จและเริ่มใช้ในปี 1964 ทันโตเกียวโอลิมปิคพอดี
ป่าน : เยี่ยมเลยเป็นหน้าเป็นตาของประเทศชาติด้วย
ปู่ : ถูกต้องแล้ว ด้วยชินคันเซนการเดินทางระหว่างโอซาก้าโตเกียวใช้เวลาเพียง 4 ชั่วโมงด้วยความเร็วที่ 200 km/h
ป่าน : สุดยอด ในที่สุดก็วิ่งได้เร็วถึงระดับ 200 km/h แล้ว
ปู่ : นอกเหนือจากเทคโนโลยีในการเดินรถแล้ว ยังมีปัจจัยอื่นๆ ทำให้ชินคันเซนวิ่งได้เร็วขนาดนั้นคือ “ความร่วมมือของทุกฝ่าย” อันได้แก่
– การสร้างเส้นทางรถไฟสายใหม่ ที่มีเส้นทางที่โค้งและความชันน้อยลง
– ระยะห่างระหว่างสถานีรถไฟอยู่ที่มากกว่า 30 – 40 km
– เส้นทางรถไฟชินคันเซนนั้นเป็นเส้นทางเฉพาะ ไม่มีที่กั้นทางรถไฟให้รถยนต์วิ่งผ่าน
ป่าน : ปัจจัยเหล่านี้ก็สำคัญเนอะปู่ การที่รถจะวิ่งได้เร็วขนาดนั้นมันไม่ได้อาศัยเทคโนโลยีทางวิศวกรรมเพียงอย่างเดียว แต่ต้องอาศัยการบริหารจัดการ การออกแบบเส้นทางรถไฟด้วย
ปู่ : ใช่แล้ว ที่ปู่ร้องไห้หนักมาก ก็ดีใจที่บ้านเราสามารถสร้างรถไฟสำเร็จได้ก็ด้วยตรงนี้แหล่ะ เพราะความร่วมมือของพวกเราคนไทยทุกคน
ป่าน : (พยักหน้าและยิ้มให้ปู่)
บทสนทนาของปู่หลานก็จบลง คุณปู่หยิบกล่องอาหารเบนโตะชุด “ข้าวกระเพราไก่ไข่ดาว” มาเปิดกิน แล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง ดูวิวทิวทัศน์สีเขียวนอกหน้าต่างพลางพึมพำกับตัวเองว่า
“นี่เราไม่ได้ฝันไปใช่ไหม”
ปัจจุบันรถไฟชินคันเซนในญี่ปุ่นวิ่งได้เร็วถึง 320 km/h
เล่าโดย : ลุงวสุ www.marumura.com
เครดิตรูปประกอบ : Gabby
ทักทายพูดคุยกับ Wasu ได้ที่ >>> Facebook Wasu’s thought on Japan