ญี่ปุ่นในมุมมืด ตอนที่ 11 : เหงา…บรรยากาศที่ผมจำได้ดีในวันนั้นผู้คนมากมาย ทุกคนมีแต่ความสนุกสนาน สำหรับผมไม่มีความสนุกเหมือนเดินอยู่ในโลกใบนี้เพียงคนเดียว ยิ่งได้รู้จักน้อย นิ่ม ทำให้ผมคิดถึงเมืองไทย
ภาพโดย : อ.วิโรจน์ สายดนตรี
บรรยากาศที่ผมจำได้ดีในวันนั้นผู้คนมากมาย ทุกคนมีแต่ความสนุกสนาน สำหรับผมไม่มีความสนุกเหมือนเดินอยู่ในโลกใบนี้เพียงคนเดียว ยิ่งได้รู้จักน้อย นิ่ม ทำให้ผมคิดถึงเมืองไทย
ความจริงแล้วก่อนที่ผมต้องดิ้นรนพาชีวิตผมมาเสี่ยงตายที่นี่ มีเรื่องราวเกิดกับผมไม่น้อยพียงแต่ไม่ได้ขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ เท่านั้นเอง
ผมขอย้อนหลังเรื่องราวที่เมืองไทยของผมให้ผู้อ่านรู้สักหน่อย สมัยเด็กๆ ผมเกเรมาก เป็นคนกรุงเทพโดยกำเนิด พ่อแม่ของผมท่านรับราชการทั้งคู่ ฐานะปานกลาง ด้วยความเกเร ผมต้องย้ายโรงเรียน ถึง 11 แห่ง กว่าจะจบ ม.ปลาย ต่อด้วยปริญญาตรี 2 ใบ
แล้วก็เข้าทำงานบริษัทได้เงินเดือน 5,600 บาท ช่วงอายุประมาณ 27 ปี ผมได้มีโอกาสเป็นเจ้าของธุรกิจ ผมเปิดร้านอาหาร เดือนแรกยอดขายเฉลี่ยวันละสามหมื่นกว่าบาท ซึ่งในยุคนั้นถือว่าเป็นเงินไม่น้อย บวกกับรายได้เงินเดือนจากบริษัทถือว่ารายได้ไม่น้อยเลยทีเดียวสำหรับผม
ช่วงนั้นผมชอบการแต่งรถเป็นชีวิตจิตใจ สุดท้ายเปิดร้านได้ปีกว่าๆ ร้านต้องปิดกิจการลงพร้อมกับมีหนี้สินติดตัวมาเกือบล้านบาท
แต่มีเรื่องหนึ่งที่นึกถึงทีไรก็แปลกใจทุกที ตั้งแต่วันแรกที่เปิดร้านจนถึงปิดร้าน พ่อแม่ผมแทบไม่รู้เลยว่าผมทำอะไร วันที่ร้านปิดผมจำได้ว่าผมกลับบ้านนอนมือกายหน้าผาก มีแฟนนั่งอยู่ข้างๆ ตลอดเวลา พ่อเดินเข้ามาถามว่า “แกเป็นอะไร” คำตอบของผมคือ “ร้านอาหารไปไม่รอด เป็นหนี้ห้าหมื่นบาท”
พ่อยื่นเงินให้ผมไปเคลียร์หนี้สิน แล้วสอนผมว่าให้ตั้งใจกลับทำงาน ที่ผ่านมาให้ถือว่าเป็นบทเรียน ความทุกข์ยังไม่หมดไปเพราะจริงๆ แล้วผมมีหนี้เกือบล้าน ถ้าบอกความจริงกับพ่อ พ่อกับแม่ผมคงเป็นลมพอดี มีเพียงแฟนผมตอนนั้นรู้ว่าเรื่องจริงเป็นยังไง
ไม่ถึงปีผมก็สามารถใช้หนี้ก้อนนั้นจนหมด แฟนผมคนนั้นปัจจุบันเลิกกันไปแล้ว เป็นแฟนตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย คบกันประมาณ 7 ปี ตอนนี้เธอมีร้านอาหารไทย-เวียดนาม อยู่ที่สวิตเซอร์แลนด์ ทุกวันนี้ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน กลางปีที่ผ่านมาได้มีโอกาสเจอกัน เธอมาเมืองไทย เธอยังชวนผมไปเที่ยวร้านอาหารของเธอคิดว่าไม่เกินปีหน้าผมจะพาครอบครัวผมไปเที่ยวที่นั้น
กลับมาที่ญี่ปุ่นกันต่อ ตกลงว่านิ่มจะนั่งรถไปพร้อมกับผม เรื่องของเรื่องคือเธอคงอยากนั่งรถแข่ง ตามที่ได้ตกลงไว้กับซันไว้ว่าถ้าชนะรอบนี้ ผมได้แปดหมื่น แพ้ได้สามหมื่น แล้วผมก็ชนะอีก ไม่ใช่เพราะผมเก่งเป็นเพราะรถของซันแรงทุกคัน แล้วดูเหมือนว่าจะมีการจ้างคู่แข่งให้ทำเป็นแพ้ผมด้วย
จะอะไรก็ช่างเถอะ ขอให้ผมได้เงินครบตามที่ตกลงก็แล้วกัน จำได้ว่าวันนั้นตอนเลิกแข่งผมนั่งรอเงินส่วนแบ่ง ผมก็ไปมีเรื่องชกต่อยกับวัยรุ่นกลุ่มนึง อาเทียรบอกว่าเป็นแฟนเก่าของไดน่า มันคงจะหมั่นไส้ผม ต่อยกันไปต่อยกันมาก็มีคนมาห้าม คราวนั้นผมเจ็บตัวเยอะเหมือนกับเจอหมาหมู่ นอนเจ็บอยู่สองสามวัน
ได้เงินมาคราวนี้ผมยังไม่ส่งไปบ้าน ผมฝากเงินไว้กับไดน่า ในใจตอนนั้นอยากกลับไปหาพี่หงส์ ไม่รู้เป็นเพราะอะไร………………… การได้เจอกับน้อยและนิ่มบ่อยๆ ทำให้ผมคิดถึงบ้านมากขึ้นเรื่อยๆ ผมพูดจากับไดน่าและอาเทียรน้อยลง จนเธอสองคนคงสงสัยว่าผมเป็นอะไร
ตอนต่อไปผมได้ตัดสินใจย้ายเมืองหางานทำใหม่ มีสิ่งหนึ่งที่เป็นเงาตามตัวผมตอลดเวลาในขณะนั้น คือความเหงา มันเป็นสิ่งที่น่ากลัวมากที่สุดสำหรับจิตใจของคน
อ่านญี่ปุ่นในมุมมืดทั้งหมด คลิ๊ก >>> ญี่ปุ่นในมุมมืด