ละครโนห์…ตัวอย่างการ “เปลี่ยนเพื่อไม่เปลี่ยน” ของคนญี่ปุ่นในการรักษาศิลปวัฒนธรรมชาติตนไว้ กล่าวคือยอมเปลี่ยนรายละเอียดส่วนย่อยบางอย่าง เพื่อคงโครงหลักหรือหัวใจของศิลปะนั้นไว้
หลังจากได้ดูคลิป “เที่ยวไทยมีเฮ” และอ่านประเด็นถกเถียงกัน ดิฉันคิดว่าไม่ว่าจะเป็นฝ่ายเห็นด้วยกับฝ่ายที่เห็นว่าไม่เหมาะสม ทั้งสองกลุ่มมีความคิดและเจตนาที่ตรงกันอยู่ประการหนึ่ง คือ ภูมิใจและต้องการรักษาศิลปวัฒนธรรม ในที่นี้คือ โขน
กรณีนี้ทำให้ดิฉันคิดถึงละครโนห์ โนห์มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 600 ปี และได้รับการขนานนามว่าเป็นละครเวทีที่เก่าแก่ที่สุดในโลก จนองค์การยูเนสโกบันทึกไว้ว่าเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญของโลก แม้ในปัจจุบันเราก็ยังสามารถชมละครโนห์ได้ตามโรงละครโนห์ต่าง ๆ ทั่วประเทศ หน่วยงานทั้งรัฐบาลและเอกชนก็ให้การสนับสนุน
ญี่ปุ่นสามารถรักษาวัฒนธรรมเช่นนี้ให้คงอยู่ในสังคมได้อย่างไร
1. ย่อยข้อมูลให้เข้าใจง่าย
ในเว็บไซต์หลักที่จำหน่ายบัตรดูละครโนห์ ทางเว็บไม่ได้มีแค่ข้อมูลราคาบัตรหรือรอบที่ฉาย แต่ยังมีการนำเสนอข้อมูลต่าง ๆ เพื่อให้คนเข้าใจง่าย เช่น
• ละครโนห์คืออะไร
• สำหรับผู้ที่ชมละครโนห์เป็นครั้งแรก
• ประวัติศาสตร์ละครโนห์
• วิธีการเดินของตัวละคร
• ความหมายของหน้ากากในละคร
นอกจากนี้ตรงหัวข้อ “Database” ยังมีหน้ารวมคำศัพท์ที่ได้ยินบ่อยในละครโนห์ หรือท่าแม่บทน่ารู้ ส่วนในหัวข้อ “People” ก็รวบรวมรายชื่อบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์โนห์ และบทสัมภาษณ์ครูละคร
เนื่องจากละครโนห์เป็นละครที่มีมาแต่โบราณ บริบทบางอย่างหรือภาษาที่ใช้ อาจเข้าใจยากสำหรับคนยุคใหม่ การย่อยข้อมูลให้เข้าใจง่ายเช่นนี้ ทำให้คนสามารถทำความเข้าใจละครโนห์ได้ดีขึ้น และดื่มด่ำกับการชมละครได้ดียิ่งขึ้น หากไม่ทราบข้อมูลอะไรเลย คนที่ไปดูอาจรู้สึกเบื่อและไม่คิดจะชมต่อก็เป็นได้
สมัยอยู่ญี่ปุ่นดิฉันเคยสมัครเข้าโครงการร่วมชมละคร “บุงระขุ” (คล้ายละครหุ่นโจหลุยส์) โดยสามารถไปชมละครฟรีได้ 10 ครั้งต่อปี คุณผู้อ่านเชื่อไหมคะ เขามีการบรรยาย “เรียนรู้ดูบุงระขุให้สนุก” ให้กับบุคคลทั่วไปภายในเวลาเพียง 1 ชั่วโมงด้วย ครูละครเล่าให้พวกเราฟังตั้งแต่วิธีการควบคุมหุ่น ประเภทหุ่นต่าง ๆ วิธีการทำเสียง เทคนิคที่ยากในการแสดง ตอนท้ายครูยังให้พวกเราบางคนขึ้นไปลองสัมผัสหุ่นจริง ๆ ด้วย
หลังจากนั้นมาดิฉันสนุกสนานกับการดูละครบุงระขุมาโดยตลอด ทั้ง ๆ ที่ภาษายากมาก ดิฉันเริ่มสังเกตเองว่าเสียงเพลงแบบนี้ หมายถึงอารมณ์แบบไหน ผู้ชักหุ่นสามารถนำพาให้ตัวละครแสดงอารมณ์ต่อกันและกันได้อย่างไร สนุกจริง ๆ ค่ะ
2. ยิ่งทำให้หลงใหล
เมื่อปูความรู้พื้นฐานให้คนดังในข้อที่ 1. ก็จะเกิดกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งที่ “เริ่มอิน” กับศิลปะวัฒนธรรมเก่าแก่ ทางญี่ปุ่นก็จะมีการสนับสนุนให้สร้างชมรมในมหาวิทยาลัย อย่างที่มหาวิทยาลัยดิฉัน มีชมรม “ระคุโกะ” หรือตลกญี่ปุ่นแบบโบราณ (เวลาเล่น ต้องใส่กิโมโน) เด็ก ๆ ก็จะศึกษาศิลปะเหล่านี้ และหมั่นไปชมการแสดงเพื่อศึกษา และจัดละครเวทีในแบบของตัวเอง นี่ก็เป็นการสืบทอดศิลปะต่อให้คนรุ่นหลังต่อ ๆ ไป
สำหรับบุคคลธรรมดาก็สามารถหาความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับศิลปะนั้น ๆ จากทางหนังสือได้ อย่างกรณีละครโนห์ก็จะมีหนังสือประเภทประวัติศาสตร์ละครโนห์ หรือรวมบทพูดและการตีความในแต่ละฉากของละครแต่ละเรื่อง
3. เปลี่ยนเพื่อไม่เปลี่ยน
สิ่งที่ญี่ปุ่นพยายามทำกับศิลปวัฒนธรรมโบราณ ไม่ใช่การอนุรักษ์ให้ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปจากเดิม ในทางกลับกันญี่ปุ่นใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ เยอะมาก เพื่อปรับการนำเสนอการแสดงเหล่านั้นให้เข้ากับผู้ชมในยุคสมัยใหม่ หรือขยายกลุ่มเป้าหมายให้มากขึ้น เช่น ละครหุ่นบุงระขุ ก็มีการใช้จอ LCD ในบางตอน เพื่อให้ภาพสีสันฉากคมชัดยิ่งขึ้น หรือตรงจอด้านบน มีคำแปลภาษาอังกฤษให้สำหรับผู้ชมต่างชาติ
หากมีการหยิบศิลปะเหล่านี้ไปใช้ ก็จะหยิบไปใช้อย่างระมัดระวัง ขณะเดียวกันใส่ความสร้างสรรค์เข้าไปด้วย ทำให้ศิลปะเหล่านั้นดูมีระดับ ขลัง ไม่ใช่ดูเก่าแก่คร่ำครึขึ้นหิ้ง อย่างโปรเจ็ค “เทคโนห์” ของบริษัทโฆษณาเดนท์สึ ซึ่งผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีแสง เทคโนโลยีดิจิตัล และเทคโนโลยีการประดิษฐ์หน้ากาก และละครโนห์ไว้ด้วยกัน โดยเปิดตัวครั้งแรกที่งานแสดงภาพศิลปะของซัลบาโด ดาลี ศิลปินสเปนชื่อก้องโลก ครีเอทีฟนำนักแสดงโนห์มาแสดงที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะแทนที่จะเป็นเวทีไม้ตามแบบดั้งเดิม ใช้ฉากด้านหลังเป็นภาพเขียนของดาลีจำนวนถึงสิบกว่าภาพ แทนที่จะเป็นภาพต้นสนบนฉากไม้ตามต้นฉบับ
โดยปกติในละครโนห์ จะมีตัวละครหนึ่งที่เป็นวิญญาณ เพื่อสอนปรัชญาต่าง ๆ ให้กับผู้ชม เดนท์สึก็เลือกหยิบวิญญาณของ “ดาลี” เข้ามาใส่ในนักแสดงโนห์
ทางเดนท์สึตั้งใจจะใช้เทค “โนห์” โลยีเหล่านี้เข้ามาในงานโฆษณาและงานอีเว้นท์ต่าง ๆ ของบริษัทต่อไป เพื่อสร้างความแปลกใหม่ ขณะเดียวกันเผยแพร่ให้โนห์เป็นที่รู้จักในหมู่วัยรุ่นและชาวต่างชาติ เรียกได้ว่าเป็นการพลิกโฉมละครโนห์ให้ดูทันสมัย แต่ยังคงปรัชญาลึกซึ้งและเอกลักษณ์ของละครไว้ได้อย่างดีเยี่ยม
นี่เป็นตัวอย่างการ “เปลี่ยนเพื่อไม่เปลี่ยน” ของคนญี่ปุ่นในการรักษาศิลปวัฒนธรรมชาติตนไว้ กล่าวคือยอมเปลี่ยนรายละเอียดส่วนย่อยบางอย่าง เพื่อคงโครงหลักหรือหัวใจของศิลปะนั้นไว้
ทักทายพูดคุยกับเกตุวดี ได้ที่ >>> เกตุวดี Marumura
อ่าน Japan Gossip ทั้งหมด CLICK HERE
เรื่องแนะนำ :
– บริการดีๆ เมื่อช้อปปิ้งที่ญี่ปุ่น
– นิสัยดี ๆ ที่ได้จากการไปอยู่ญี่ปุ่น
– ร้าน 100 เยนญี่ปุ่นแต่ละเจ้า ต่างกันอย่างไร
– ใส่ยูกาตะในโรงแรมอย่างไรให้ดูญี่ปุ๊นญี่ปุ่น
– วินาทีที่ “ฉันเป็นคนไทย” by คนญี่ปุ่น