ลาเวนเดอร์ญี่ปุ่น สามารถหาชมได้หลายเมือง แต่ที่ฮอกไกโดนั้น มีสถานที่ชมดอกลาเวนเดอร์ที่โด่งดังหลายจุดเลยทีเดียวค่ะ
ลาเวนเดอร์ (Lavender) เป็นหนึ่งในดอกไม้สีม่วงที่บานในฤดูร้อนและเป็นตัวแทนของเกาะฮอกไกโด ดอกลาเวนเดอร์ที่มีชื่อเสียงสองชนิด มีความแตกต่างกันที่กลิ่นและสีของดอก อีกทั้งช่วงเวลาบาน ชนิดแรกมีลักษณะดอกบานเป็นพุ่มสั้น สีม่วงเข้ม (Koi Murasaki) จะบานราวปลายเดือนมิถุนายน อีกชนิดหนึ่งลักษณะของดอกบานเป็นช่อยาว สีม่วงอ่อน (Oka Murasaki) จะบานช้ากว่า ราวปลายเดือนกรกฎาคมกระทั่งต้นเดือนสิงหาคม หลังจากทั้งสองชนิดบานสะพรั่งแล้ว 7 – 10 วัน กลีบดอกจะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลแล้วเฉาไป
เนื่องจากไม้ดอกล้มลุกนี้มีสีสวยเด่นและกลิ่นหอมเย็น จึงได้ถูกนำเข้าจากทางตอนใต้ของฝรั่งเศส แล้วได้ทดลองปลูกตามเมืองต่างๆ ในญี่ปุ่น แต่ได้ผลงามดีที่ซัปโปโร จากนั้นก็เริ่มปลูกกันตามสวนต่างๆ กลายเป็นสวนหอมหวล ที่ดึงดูดความสนใจของผู้มาทัศนศึกษาอย่างไม่ขาดสาย แล้วเกิดเป็นกระแสนิยมปลูกอย่าง แพร่หลายและกว้างขวางตามเนินเขาทางด้านตะวันออกโดยเฉพาะที่เมืองฟุราโน่ Furano และทางด้านตะวันตกที่เมืองนิเซโกะ Niseko
เดือนกรกฎาคมเป็นช่วงกลางฤดูร้อนของญี่ปุ่น เกาะฮอกไกโดจะถูกเนรมิตรเป็นแดนสวรรค์ของผู้นิยมการชิมผลไม้และผู้รักการถ่ายรูปดอกไม้ เพราะมีภูมิอากาศและทำเลที่เหมาะในการปลูกผลไม้เมืองหนาวที่กำลังให้ผลผลิตอันสมบูรณ์ อาทิ ผลเมล่อนอันหอมหวานไม่เหมือนที่ใดในโลก มีแหล่งปลูกที่เมืองยูบาริ Yubari
อีกทั้งผลบลูเบอรี่สีม่วง ผลเชอร์รี่สีแดงสดเต็มต้นน่าชิมกำลังรอคอยต้อนรับนักท่องเที่ยวเข้าชมและเก็บชิมได้อย่างเพลิดเพลินอิ่มอร่อยตลอดทั้งเดือน ที่เมืองนิกิ Niki อันอุดมด้วยสวนผลไม้และอยู่ห่างไปทางตะวันตกของเมืองซัปโปโร ประมาณ 60 ก.ม. มีรายละเอียดของสวนผลไม้นี้เพิ่มเติมในเวปไซต์ http://www.town.niki.hokkaido.jp/fruitpark
การเดินทาง ไปสวนผลไม้ Niki เริ่มต้นที่สถานี Sapporo โดยรถไฟสาย JR Hakodate ผ่านเมือง Otaru ไปที่สถานี Niki ใช้เวลาราว 1.30 ช.ม. จากนั้นต่อรถ Chuo Bus หรือ รถ Neseko Bus ไปลงที่สวน แล้วเที่ยวชมชิมผลไม้นานาชนิดได้ตลอดครึ่งวันเช้า
ตอนขากลับครึ่งวันบ่ายกระทั่งเย็น สามารถแวะเที่ยวเมืองโอตารุ Otaru ที่เคยเป็นเมืองท่าเรือเก่าแก่ทางด้านตะวันตก มีคลองขุดที่เคยถูกใช้ในการสัญจรและการลำเลียงสินค้าต่างๆ เข้าไปเก็บในโกดังที่ตั้งเรียงรายริมคลองมากมายในยุคที่การเดินเรือระหว่างประเทศเพื่องฟูในช่วงปี ค.ศ.1920
ปัจจุบันก็ยังมีโกดังสินค้าเก่าแก่ให้เห็นตลอดแนวคลองที่มีความยาว 1,140 เมตร กลายเป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจตอนกลางวัน และเมืองท่องเที่ยวที่อุดมไปด้วยร้านอาหารทะเลสด และเมืองนี้ยังเคยเป็นฉากภาพยนตร์ย้อนยุคที่ค่ำคืนแสนจะโรแมนติคทุกฤดูกาล ดูรายละเอียดเพิ่มในเวปไซต์ http://www.otaru.gr.jp
เมืองฟุราโน่ Furano บนเกาะฮอกไกโด ลักษณะเนินเขาสูงที่เคยเป็นลานสกีในฤดูหนาวจะถูกปรับให้เป็นทุ่งดอกลาเวนเดอร์ญี่ปุ่นสีม่วงบานสวยสะพรั่งกลางฤดูร้อนเพราะอากาศที่เย็นสบายกว่าภูมิภาคอื่นในญี่ปุ่น สวนยอดนิยมที่แวะกัน บางแห่งเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมฟรี ถ่ายรูป แล้วเดินเที่ยวต่อกันได้
การเดินทาง หลังจากลงที่สถานี Naka Furano แล้วเดินราว 15 นาทีจะถึงทุ่ง Saika no Sato Suzuki Farm เป็นทุ่งบนเนินกว้าง 6 เฮกเตอร์ นอกฤดูดอกลาเวนเดอร์ยังปลูกไม้ดอกอื่นผสมด้วย เที่ยวชมได้ตั้งแต่ต้นฤดูร้อนตลอดฤดูใบไม้ผลิ จากบนเนินสูงมองเห็นทิวทัศน์เหนือเมืองอยู่บนแอ่งที่ราบ Furano เบื้องล่าง อีกทั้งแนวเทือกเขา Tokachi ที่ทอดยาวสวยสุดสายตาด้วย
หลังจากนั้นสามารถเดินต่อไปเพื่อแวะสวน Choei Lavender Farm ตลอดถึงทุ่งลื่อชื่อของฟาร์มโทมิตะ Farm Tomita ที่ซึ่งอยู่ห่างไปอีก 1.5 ก.ม. ต้องใช้เวลาเดินอีกราว 20 นาที ในฤดูกาลชมทุ่งลาเวนเดอร์จะมีขบวนรถไฟแล่นผ่านฟาร์มโทมิตะ Farm Tomita โดยสามารถลงรถไฟที่สถานี JR Lavender Farm แล้วเดินไปอีกแค่เพียง 10 นาที เส้นทางเดินก็สะดวกมากเพราะมีป้ายชื่อกำกับตามทางเดินด้วย ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เวปไซต์ต่อไปนี้คือ http://www.furanotourism.com / http://www.farm-tomita.co.jp / http://www.kamifurano.jp
การเดินทางจากซัปโปโร เริ่มจากสถานี JR Sapporo โดยรถไฟด่วนขบวน Super Kamui 1 ไปต่อรถไฟที่สถานี JR Takikawa สาย JR Furano วิ่งผ่านทุ่งดอกลาเวนเดอร์ ที่จะแวะจอดทุกสถานี จากต้นทางสถานี JR Furano ไปสถานี Naka Furano ต่อด้วยสถานีถัดไปสถานี Lavender Farm และสถานี Kami Furano ถึงสถานี Biei นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเองก็สามารถลงสถานีต่างๆ ตามที่ลำดับข้างต้น แล้วเดินแวะทุ่งหรือฟาร์มต่างๆ ได้อย่างอิสระเสรี
จากสถานี JR Naka Furano เดินราว 15 นาที ถึงสวน Choei Lavender Farm
จากสถานี JR Lanvender Farm เดินราว 10 นาที ถึงฟาร์มโทมิตะ Farm Tomita
จากสถานี JR Kami Furano เดินราว 15 นาที ถึงสวนสาธารณะ Hinode Kooen
จากสถานี JR Biei จะลงแล้วเช่าจักรยานขี่ชมทุ่งกว้างสุดสายตาหรือจะชมจากหน้าต่างรถไฟก็ได้คะ
ถ้ามีเวลาอย่างน้อย 3 วันก็จะชมดอกลาเวนเดอร์ญี่ปุ่นได้อย่างสบายเต็มที่เต็มตา แถมแวะเที่ยวเมือง Biei ได้อีกด้วย ดูรายละเอียดเพิ่มเติมของเมืองบิเอะได้จากเวปไซต์ http://www.biei-hokkaido.jp
เรื่องที่เกี่ยวข้อง >>
– องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศญี่ปุ่น (JNTO)
– ช้อปปิ้งฮาราจูกุ บนถนน Takeshita Street
– เที่ยวฮอกไกโด : ลาเวนเดอร์ฮอกไกโด
– Fuji Five Lakes: ทะเลสาบทั้ง 5 ของภูเขาไฟฟูจิ
– เที่ยวโอซาก้า : ปราสาทโอซาก้า
#ลาเวนเดอร์ญี่ปุ่น