พอละครญี่ปุ่นเข้าสู่ยุค Trendy Drama ก็ทำให้ละครแนวรักมีน้อยลง แต่ใช่ว่าจะหายไปเลย ก็พอมีให้ได้ชมบ้าง แต่ก็จะเป็นละครรักที่มีลักษณะเฉพาะ ไม่ได้เน้นแนวรักหักสวาทอย่างเดียว ละครรักญี่ปุ่นจะเป็นอย่างไรตามมาอ่านกันเลยดีกว่า
ถ้าจะมองหาละครแนวรักในละครญี่ปุ่น ขอบอกว่าเป็นแนวละครที่ค่อนข้างหายากมากๆ เลยค่ะ ละครแนวนี้จะพบเห็นได้มากในละครญี่ปุ่นสมัยก่อนๆ แต่พอละครญี่ปุ่นเข้าสู่ยุค Trendy Drama ก็ทำให้ละครแนวรักมีน้อยลง ละครส่วนใหญ่จะเน้นเล่าเรื่องราวของชีวิตผู้คนในสังคม การทำงาน การสร้างแรงบันดาลใจในชีวิต แต่ใช่ว่าละครแนวรักจะห่างหายไปเลยนะคะ ก็ยังพอมีมาให้ได้รับชมกันบ้าง แต่ก็จะเป็นละครรักที่มีลักษณะเฉพาะ ที่ไม่ได้เน้นแนวรักหักสวาทเพียงอย่างเดียว ละครรักญี่ปุ่นจะเป็นอย่างไรนั้นตามมาอ่านกันเลยดีกว่าค่ะ
1. มีเรื่องความฝัน อาชีพการงาน และความสำเร็จในชีวิตเข้ามาเกี่ยวข้อง
ละครแนวรักของญี่ปุ่นแบบ Romantic หรือแนว Romance ก็มีค่ะ เป็นเรื่องที่มีความรักเป็นแก่นหลัก รักแบบชู้สาวก็ยังเป็นเรื่องที่ยังหาชมได้ในละครญี่ปุ่น แต่ว่าลักษณะพิเศษที่เพิ่มเข้ามาในละครแนวนี้คือ จะไม่พูดถึงกล่าวรักอย่างเดียว หรือมองว่าความรักคือที่สุดของชีวิต จะมีเรื่องอื่นๆ เข้ามาผสมด้วย ซึ่งก็คือเรื่องเกี่ยวกับ “ความฝัน” “หน้าที่การงาน” และ “ความสำเร็จในชีวิต” สิ่งเหล่านี้จะเป็นสิ่งที่ตัวละครในเรื่องต่างไขว่คว้านอกเหนือไปจากความ สมหวังในความรัก อย่างเช่นเรื่อง “Chocolatier Shitsuren” เรื่องนี้เรียกได้ว่าความรักจ้าเลยค่ะ แต่ก็ยังดีว่ามีเรื่องความฝันที่พระเอกอยากเป็นนักทำช็อกโกแลตที่มีฝีมือ เข้ามาเกี่ยวข้อง ที่ไม่ได้เสนอแค่แง่มุมความรักแค่อย่างเดียว
2. รักนะแต่ไม่แสดงออก
ละครรักบางเรื่องพระ-นางก็จะออกแนวปากไม่ตรงกับใจ พยายามปิดบังตัวเองไม่ให้อีกฝ่ายรู้ว่ากำลังแอบชอบ แกล้งทำไม่ดีด้วย แต่ใจจริงนี่แอบรักเธอเข้าอย่างจัง หรือจะพูดให้เข้าใจง่ายไปอีกก็ออกแนว “ซึนเดเระ” ค่ะ ขอยกตัวอย่างจากเรื่องนี้เลย “Mei Chan no Shitsuji” เป็นฉากที่เพื่อนนางเอก บอกรักนางเอกแบบอ้อมๆ
บอกรักทั้งทีก็ไม่บอกแบบตรงๆ ต้องบอกแบบอ้อมๆ ให้อีกฝ่ายแอบไปคิดนิดนึง แต่โมเม้นท์นี้ก็เข้าใจนะคะ อย่างคนไทยเองบางคนก็เขินถ้าจะให้อีกฝ่ายรู้ว่าแอบชอบ แต่อีกใจหนึ่งถ้าไม่บอกออกไป แล้วเขาจะรู้ได้ยังไง แถมถ้าปล่อยไปโดยไม่บอก ก็อาจจะพลาดโอกาสในรักครั้งนี้ไปได้ ส่วนคนญี่ปุ่นเอง แม้จะรักกันแล้ว เขาก็ไม่ค่อยพูดว่า “รัก” แบบพร่ำเพรื่อค่ะ จะไม่ค่อยพูดกันบ่อยๆ แต่จะพูดว่า “ชอบ” เสียมากกว่า ก็อย่างว่า คำว่า “รัก” ไม่ใช่คำที่พูดออกมาได้ง่ายๆ นะคะ เป็นคำที่มีความหมายลึกซึ้ง ต้องรู้สึกจริงๆ และค่อยพูดออกมาจะดีกว่า! อีกอย่างการบอกรักแบบอ้อมๆ มันก็เป็นการสารภาพรักที่ดูน่ารักไปอีกแบบเหมือนกัน กว่าจะคิดมุก คิดคำได้ ถ้าไม่รักกันจริง คิดไม่ได้นะเนี่ย แล้วก็ขอแถมฉากบอกรักแบบอ้อมๆ เพิ่มความฟินไว้อีกสักเรื่องค่ะ
อากิยาม่า : “คุณมันจอมโกหก”
นาโอะจัง : “แล้วเธอสามารถอยู่กับคนโกหกอย่างฉันได้ไหมล่ะ”
ถ้าใครเคยดูเรื่องนี้ “Liar Game” ฉากนี้ก็เป็นฉากฟินสุดๆ เพราะพระเอกจะเป็นคนที่นิ่งๆ เงียบๆ ไม่ค่อยพูดจาอะไรออกมาตรงๆ (ตั้งท่าเก๊กอย่างเดียว) แต่จากการกระทำจะรู้เลยว่าต้องแอบคิดอะไรกับนางเอกแน่ๆ เลย เล่นไปช่วยเธอเล่นเกมซะทุกด่านขนาดนี้ และพอมาเจอฉากนี้ แฟนละครเป็นอันรู้ค่ะว่าเป็นฉากสารภาพรักชัดๆ !
3. ไม่มีฉากพระ-นางปล้ำกัน
ถ้าได้ดูละครรักญี่ปุ่น สิ่งหนึ่งที่หาไม่เจอก็คือ “ฉากพระ-นางปล้ำกัน” ค่ะ! ฉากเข้าพระเข้านางที่เกิดจากความขัดขืนใจกันในละครญี่ปุ่นจะไม่มีค่ะ เพราะว่าสิ่งนี้ไม่ใช่สิ่งที่คนรักจะกระทำต่อกัน แต่เป็นอาชญากรรมอย่างหนึ่ง ซึ่งฉากแบบนี้ในละครญี่ปุ่นจะไม่ใช้เพื่อเป็นฉากที่แสดงให้เห็นว่าเป็นจุด ลงเอยของพระ-นางให้มารักกัน แต่จะเป็นฉากที่สื่อถึงความรุนแรง น่ากลัว ไม่ควรเอาเยี่ยงอย่าง เพื่อนๆ สามารถอ่านฉากปลุกปล้ำในละครญี่ปุ่นแบบละเอียดต่อได้ที่นี่เลยค่ะเลย
4. รักแบบอบอุ่น
เสน่ห์ที่โดดเด่นของละครแนวรักสไตล์ญี่ปุ่นเลยก็คือ “ความรักแบบอบอุ่น” ค่ะ จริงๆ แล้วแนวรักแบบหวือหวาก็มี แต่ถ้าพูดถึงละครญี่ปุ่นแล้ว ลักษณะแนวความรักที่คนดูรู้สึกประทับใจ และรู้สึกว่าต้องเป็นของญี่ปุ่นเท่านั้นที่ทำได้ดีก็คือ “แนวรักแบบอบอุ่น” ละครญี่ปุ่นแนวรักแบบนี้จะไม่มีฉากหวือหวามาก เป็นความรักที่แสดงออกมาจากใจ รักใครสักคนที่ตัวตนของคนคนนั้นจริงๆ ไม่ว่าเขาจะเป็นอย่างไร เหมือนกับเรื่อง “Hotaru no Hikari” ค่ะ เป็นละครญี่ปุ่นที่อธิบายแนวความรักนี้ได้ดีที่สุด ในเรื่องนางเอกจะไม่ใช่ผู้หญิงที่พระเอกจะหลงรักได้เลย แต่พอได้ลองใช้ชีวิตด้วยกัน รู้จักถึงตัวตนจริงๆ กลับพบว่าก็รักกันไปอย่างไม่รู้ตัว ทั้งคู่อยู่บ้านหลังเดียวกันโดยที่ไม่เคยล่วงเกินอะไรกันเลย แต่ก็สามารถเป็นคู่รักกันได้ ขอแค่กลับบ้านมาเห็นหน้ากัน ได้นั่งกินเบียร์ที่ริมระเบียงด้วยกัน แค่นี้ก็เป็นชีวิตที่สุขสุดๆ สำหรับทั้งคู่ค่ะ
5. ไม่ต้องรู้ว่าเราคบกันแบบไหน
ละครญี่ปุ่นบางเรื่องจะไม่มีพระเอก นางเอก แต่จะออกมาในแนวตัวละครเอกมากกว่า เหตุผลหนึ่งที่ไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็นพระเอก นางเอกก็น่าจะเป็นเพราะว่า ตัวละครเอกชาย-หญิง 2 คน ไม่ได้ลงเอกรักกันในตอนจบ จบไปแบบความสัมพันธ์คลุมเครือก็มีค่ะ แต่คนดูจะรู้สึกได้ว่า 2 คนนี้ความสัมพันธ์น่าจะเกินเพื่อนไปแล้วนะ บางทีก็เหมือนคนรักกัน แต่ดูอีกทีก็ยังไม่ใช่แฟน อย่างเช่นคู่นี้…
เซบูมิกับโทมะ ตำรวจคู่หูดูโอ้จากเรื่อง “Keizoku2 SPEC” ไม่ ค่อยจะถูกกัน แต่จริงๆ แล้วก็แอบห่วงใยและรักกัน ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ยังคลุมเครือ เป็นเพื่อนที่รักที่สุด หรือคนที่แอบรักมากกว่าเพื่อนกันแน่???
หรือจะเป็นคู่นี้ จากเรื่อง “Biblia Koshodou no Jiken Techou” ก็แอบคลุมเครือค่ะ เจ้าหมอนี่ตกงาน เลยมาทำงานให้กับร้านหนังสือ และหวังว่าอยู่ที่นี่จะทำให้ตัวเองอ่านหนังสือได้ (เขาเป็นคนที่ไม่สามารถอ่านหนังสือได้ค่ะ อ่านปุ๊ปจะเกิดอาการปวดหัวทันที) ส่วนนางเอกเห็นว่ามีผู้ชายมาช่วยดูแลร้านก็คงจะดีเลยรับไว้ ก็อยู่ดูแลซึ่งกันและกันไป แต่ในเรื่องก็ไม่ได้สรุปแน่ชัดถึงความสัมพันธ์ของทั้งคู่ค่ะ แต่รู้ได้ว่ามีความพิเศษที่แอบแฝงอยู่ในความสัมพันธ์ แม้จะยังไม่ถูกเรียกว่าแฟน
แล้วก็…จะว่าไปคู่นี้ก็น่าแอบลุ้นนะคะ “โคมิคาโดะ เซนเซย์” กับ “มายุซุมิ” จากเรื่อง “Legal High” ในเรื่องก็จะเห็นว่าโคมิคาโดะนี่จะเจ้าชู้ บ้าผู้หญิงมาก ส่วนมายุซุมิก็จะเป็นผู้หญิงที่เขามองว่าไม่มีเสน่ห์เอาเสียเลย แต่ผลสุดท้ายทั้งคู่ก็ทิ้งกันไม่ได้ เหมือนมีความสัมพันธ์อะไรบางอย่างซ่อนอยู่ในใจลึกๆ ถ้าย้อนมองกลับไปตอนแรกๆ ที่โคมิคาโดะ เซนเซย์รับมายุซุมิมาทำงาน ถ้ามายุซุมิไม่น่ารักจริง ทนายคนนี้ก็คงไม่รับเธอไว้หรอกค่ะ !
6. จบแบบทิ้งรักเอาไว้ และออกเดินทางตามหาฝัน
ละครรักญี่ปุ่นของแท้ต้องไม่จบแบบว่าความรักคือสิ่งที่ยิ่งใหญ่มากจนต้องละทิ้ง ทุกอย่างที่อยู่รอบตัว แต่จะต้องเลือกการงาน หรือความฝันเอาไว้ก่อน แบบนี้ค่ะ…
ฉากนี้มาจากเรื่อง “First Class” ค่ะ เรื่องนี้ก็จะมีพระ-นางให้เห็นอย่างชัดเจน แล้วก็คบกันเป็นแฟน แต่ผลสุดท้ายฝ่ายชายก็เลือกที่จะไปต่างประเทศ เพื่อหาประสบการณ์การเป็นช่างกล้องมืออาชีพ ส่วนนางเอกเองก็ตัดสินใจเดินตามฝันของตัวเองต่อไป ประมาณว่าไปจัดการความฝันของตัวเองให้สำเร็จก่อน ค่อยกลับมารักกันก็ได้ ในเมื่อตอนนี้เรารักกันแล้ว ถ้ารักกันจริงก็น่าจะรอได้ และเพื่ออนาคตชีวิตคู่ที่สวยงาม ก็น่าจะทำวันนี้ให้ดีเสียก่อน ซึ่งก็ตรงตามชีวิตจริงของคนญี่ปุ่นนะคะ ที่เห็นการงานเป็นเรื่องสำคัญ เคยดูในละครญี่ปุ่นเรื่องหนึ่งค่ะ ที่บอกถึงว่า ทำไมคนญี่ปุ่นถึงได้เห็นเรื่องงานสำคัญขนาดนี้ ในละครเรื่องนั้นมีบทพูดประมาณว่า “ถ้าไม่มีหน้าที่การงานที่ดี คนในครอบครัวเขาก็จะไม่มีความสุข!”
ละครรักสไตล์ญี่ปุ่นก็จะออกมาประมาณรูปแบบนี้ค่ะ แม้ว่าละครญี่ปุ่นจะเต็มไปด้วยแนวสืบสวนสอบสวน แนวชีวิต แต่เรื่องความรักก็ยังคงเป็นแนวที่พบเห็นได้อยู่เรื่อยๆ ค่ะ และถ้าจะมีละครแนวรักของญี่ปุ่นออกมาสัก ละครรักแบบเพียวๆ ดูท่าจะเป็นแนวที่ไม่ค่อยได้รับความนิยมเท่าไรนัก วิธีที่จะทำให้เรตติ้งละครแนวนี้เพิ่มขึ้นมา นอกจากนักแสดงแล้ว ก็ต้องหาประเด็นชีวิต ความฝัน การทำงาน เข้ามาช่วยด้วย
และความรักจะเป็นสิ่งสวยงามได้ ถ้าไม่ตาบอดจนหลงลืมมองเห็น “ความจริง”
เรื่องแนะนำ :
– รวมตัวละครยอดอัจฉริยะจากซีรีส์ญี่ปุ่น
– เทคนิครับมือกับคุณลูกค้าผู้น่ารักแบบฉบับ Nietzsche Sensei
– 7 สิ่งที่ซีรีส์ญี่ปุ่นแนวอาชีพมีไม่เหมือนใคร
– Kazoku no Katachi : โสดแบบตั้งใจ “การแต่งงาน” อาจไม่ใช่คำตอบสุดท้ายของชีวิต
– แม้นักแสดงญี่ปุ่นมีอายุเพิ่มขึ้น ก็ยังรับบทพระ-นางได้!?