วันนี้ผมจะพาทุกคนเข้าไปทำความรู้จักกับ “นักสู้รุ่นจิ๋ว” ตัวจริงเสียงจริง ที่มีชื่อเสียงในระดับโลกจำนวน 2 คน ซึ่งรับรองได้ว่า พวกคุณจะต้องอึ้งไปกับความสามารถของพวกเธออย่างแน่นอนครับ และเพื่อไม่ให้เสียเวลา เราไปเริ่มกันเลยครับ
หลังจากที่ในคราวก่อนเราเกริ่นนำถึงรูปแบบของการเรียน “กีฬา” ที่แตกต่างกันระหว่างในไทยและญี่ปุ่น วันนี้ผมจะพาทุกคนเข้าไปทำความรู้จักกับ “นักสู้รุ่นจิ๋ว” ตัวจริงเสียงจริง ที่มีชื่อเสียงในระดับโลกจำนวน 2 คน ซึ่งรับรองได้ว่า พวกคุณจะต้องอึ้งไปกับความสามารถของพวกเธออย่างแน่นอนครับ และเพื่อไม่ให้เสียเวลา เราไปเริ่มกันเลยครับ
ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา สมาคม STARDOM ซึ่งเป็นสมาคมมวยปล้ำหญิงชั้นนำของประเทศญี่ปุ่น ได้เปิดตัวนักมวยปล้ำรุ่นเล็กชื่อว่า “ฮารุกะ” และประกาศว่าเธอจะขึ้นต่อสู้ให้กับสมาคม ทั้งๆ ที่ตอนนั้นเธอมีอายุเพียง 8 ปี สูง 120 กว่าๆ และหนักเพียง 23 กิโลกรัมเท่านั้น โดยหลังจากที่ข่าวนี้ได้ประกาศออกไป ก็ทำให้สื่อทั้งจากประเทศญี่ปุ่นให้ความสนใจเป็นอย่างมาก จนมาทำข่าวกันอย่างคับคั่ง และทุกคนที่ได้ชมการต่อสู้ของเธอ ก็ต่างเอ่ยปากเป็นเสียงเดียวกันว่า “สุดยอด” ! ฮารุกะ เป็นเด็กที่ฝึกการต่อสู้ Kickboxing มาตั้งแต่อายุ 3 ขวบ ตลอดจนเข้าคอร์ส MMA ในเวลาไล่เลี่ยกัน (ประมาณ 4 – 5 ขวบ) ซึ่งในคอร์ส MMA นั้น ก็จะประกอบไปด้วยศิลปะป้องกันตัวหลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น มวยไทย, มวยปล้ำ, ยูยิตสู, คาราเต้, ยูโด ฯลฯ นั่นทำให้เธอถูกขนานนามว่าเป็น “เด็กที่น่ากลัว” ที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์วงการต่อสู้ญี่ปุ่น
แต่การต่อสู้ที่สร้างชื่อเสียงให้เธอที่สุด ได้แก่การสู้กับ “นักมวยปล้ำชายชั้นนำของโลก” ชื่อว่า “เค็นนี่ โอเมก้า” โดยการต่อสู้ครั้งนี้ ได้รับความสนใจจากสื่อระดับโลก ไม่ว่าจะเป็น The Suns หรือ BBC จากประเทศอังกฤษ
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันฮารุกะต้องพักการปล้ำไม่มีกำหนด เนื่องจากประสบอาการบาดเจ็บเป็นอย่างมาก เมื่อเทียบกับร่างกายของเด็กอายุ 9 ขวบ แต่เรามั่นใจว่า ทันทีที่น้องหายเจ็บ วงการต่อสู้ทั้งของญี่ปุ่นและของโลก จะต้องมีเสียงฮือฮาขึ้นอย่างแน่นอนครับ
โดยส่วนตัวแล้วผมสนิทกับน้องริโฮมากพอสมควร เนื่องจากน้องเพิ่งย้ายสมาคมมาอยู่ที่เดียวกับผม เมื่อไม่นานมานี้เองครับ ดังนั้นผมจึงพอจะมีเรื่องราวหลายๆ อย่างที่น่าสนใจ และเป็นมุมมองดีๆ สำหรับคนที่กำลังอยากจะต่อสู้หรือท้อแท้กับชีวิต
น้องริโฮเกิดในครอบครัวที่มีคุณพ่อคุณแม่ทำงานหนัก ตามประสาคนญี่ปุ่นโดยคุณแม่ของเธอเป็นครูในชั้นประถม และด้วยความที่ไม่ค่อยมีเวลานี้เอง ทำให้เธอเลือกที่จะหาอะไรทำ เพื่อแสดงให้ครอบครัวเห็นว่าเธอก็สามารถเอาตัวรอดได้ (คือไม่อยากให้พ่อแม่เป็นห่วงนั่นเอง)
ดังนั้นเธอและพี่สาวชื่อว่า “เซย์นะ” จึงตัดสินใจเข้าฝึกมวยปล้ำอาชีพ ซึ่งถือเป็นเด็กอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ที่เข้าฝึกในสมาคมมวยปล้ำ อาชีพอย่างเป็นทางการ (แต่ในปัจจุบันมีคนเจริญรอยตามอีกมากมาย) และด้วยความที่เธอเป็นเด็กที่อายุน้อยที่สุด การฝึกร่วมกับคนตัวใหญ่ อายุมากกว่า จึงเป็นเรื่องที่น่ากลัวและอันตรายอย่างยิ่ง ที่สำคัญ
“คนญี่ปุ่น สำหรับการต่อสู้แล้ว พวกเขาไม่มีคำว่าออมมือย่างเด็ดขาด เพราะการขึ้นบนเวทีเดียวกัน หมายความว่าเลือดของคุณได้กลายเป็นเลือดบูชิโดเหมือนกัน ดังนั้นการต่อสู้อย่างจริงจัง คือการให้เกียรติอย่างสูงสุด”
ดังนั้นทุกวันของเธอ จึงกลายเป็นความสุขเคล้าน้ำตา เธอร้องไห้ทุกวัน เพราะคิดว่าการฝึกมันหนักจนเกินไป แต่สุดท้ายแล้ว เธอก็ผ่านการคัดตัว และได้กลายเป็นนักมวยปล้ำอาชีพอย่างเป็นทางการ โดยมีอายุเพียง 9 ปีเท่านั้น
ผมได้คุยกับคุณแม่ของเธอมาว่าคิดอย่างไรกับการที่ลูกสาวหันมาเป็นนักมวยปล้ำ โดยเธอบอกว่า ไม่ได้รู้สึกเป็นห่วงอะไร เพราะจากที่เธอเห็นมาโดยตลอดนั้น เธอคิดว่า สังคมญี่ปุ่น สามารถจัดการเรื่อง “การวางแผนอนาคตสำหรับเด็ก” ได้เป็นอย่างดี ญี่ปุ่นมีระบบด้านการกีฬา หรือด้านชมรมในโรงเรียนได้เป็นอย่างดี ทำให้พ่อแม่สามารถวางใจกับการที่ตนเองต้องทำงานหนัก และไม่มีเวลามากนักให้กับลูก เธอบอกว่าเธอจะสนับสนุนลูกสาวให้มากที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้ ดังนั้น สิ่งที่ผมมองเห็นข้อแตกต่างระหว่างญี่ปุ่นและไทยก็คือ สังคมญี่ปุ่นสอนให้เด็กยอมรับในสถานการณ์ได้มากกว่า ในขณะที่เหตุการณ์เดียวกันนั้น เด็กไทย กลับมองตัวเองเป็น เหยื่อของสถานการณ์ กลายเป็นเด็กมีปัญหา
น้องริโฮบอกกับผมว่า เธอเลือกให้พ่อแม่หยุดทำงานไม่ได้ แต่เธอเลือกมีความสุขในแบบของเธอได้ ดังนั้นเธอจึงมีความสุขกับการออกมาฝึกมวยปล้ำแต่เช้าทุกวัน จนในที่สุด เธอกลายเป็นนักสู้ที่อายุน้อยที่สุด ที่ได้เป็นคู่เอกใน โคราคุเอน ฮอลล์ (Korakuen Hall) สังเวียนระดับตำนานของโลก และเหนือสิ่งอื่นใด เธอกลายเป็นแชมป์โลกที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์
ดังนั้นความสามารถ ความก้าวหน้า และความสำเร็จ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับอายุ มันอยู่ที่เรื่องของมุมมอง ความมุ่งมั่น และทัศนคติที่ดีมากกว่า ซึ่งผมเองหวังว่าเรื่องราวของเด็กตัวเล็กๆ “นักสู้รุ่นจิ๋ว” เหล่านี้ จะเป็นกำลังใจเล็กๆ ให้กับผู้อ่าน ให้มีกำลังใจและสู้กับความฝัน จนประสบความสำเร็จ ไม่ว่าใครจะมองว่าเราเหมาะหรือไม่เหมาะ หรือสบประมาทเราอย่างไรก็ตาม เพราะน้องๆ เหล่านี้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า แค่มีฝัน ทุกอย่างก็เป็นไปได้ครับ / ติดต่อผู้เขียนได้ทางทวิตเตอร์ @pumiiiiiiiiii ครับ